“ยิ่งใช้ ยิ่งได้” เซ็นทรัล-โรบินสัน อัดโปรแรง แจกเพิ่ม 500 บาท

01 ก.ค. 2564 | 06:06 น.
อัปเดตล่าสุด :01 ก.ค. 2564 | 13:40 น.

2 บิ๊ก “เซ็นทรัล-โรบินสัน” เด้งรับโครงการ “ยิ่งใช้ ยิ่งได้” จัดโปรแรงเพียบ ลดกระหน่ำสูงสุด 70% ช้อป 5,000 รับคูปอง 500 บาทและ E- Voucher จากภาครัฐอีก 500 บาท รวมเป็น 1,000 บาท

นางสาวรวิศรา จิราธิวัฒน์ ประธานบริหารฝ่ายการตลาด บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด  และบริษัท โรบินสัน จำกัด (มหาชน) ในเครือเซ็นทรัล รีเทล เปิดเผยว่า ห้างเซ็นทรัลและห้างโรบินสัน พร้อมเดินหน้าร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ตอบรับโครงการ ‘ยิ่งใช้ ยิ่งได้’ ด้วยโปรโมชั่นและกิจกรรมการตลาดอย่างเต็มที่

โดยห้างเตรียมจัดแคมเปญใหญ่ในทุกๆ เดือน เริ่มต้นที่แคมเปญ Central / Robinson 7.7 ตั้งแต่วันที่ 1-7 ก.ค. 2564 ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่เริ่มโครงการ ยิ่งใช้ ยิ่งได้ ลูกค้าจึงได้รับความคุ้มค่าตั้งแต่วันแรกที่เริ่มโครงการ โดยเมื่อลูกค้ามาช้อปนอกจากจะได้สิทธิ์จากภาครัฐแล้ว ยังได้รับโปรโมชั่นพิเศษจากห้างฯ เพิ่มเติมอีกมากมาย

และรับความพิเศษต่อเนื่องกับแคมเปญ ‘Central / Robinson Shop Shop #HUGTHAIS ไทยช่วยไทย รวมใจช้อป’ ที่ยกทัพสินค้าจากแบรนด์ชั้นนำ ทุกชั้น ทุกแผนก ร่วมจัดโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นสีสันให้ตลาดค้าปลีกกลับมาคึกคัก พร้อมทั้งยังเป็นการเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้กับลูกค้าที่ช้อปผ่านโครงการ ยิ่งใช้ ยิ่งได้ ช้อปคุ้มที่สุด

“ยิ่งใช้ ยิ่งได้” เซ็นทรัล-โรบินสัน อัดโปรแรง แจกเพิ่ม 500 บาท สำหรับโครงการ ยิ่งใช้ ยิ่งได้ ห้างเซ็นทรัล และโรบินสัน มอบสิทธิพิเศษให้ลูกค้าช้อปฟิน โดยสมาชิก เดอะวัน ช้อปปิ้งที่ห้างเซ็นทรัล และโรบินสัน ชำระผ่านแอปเป๋าตัง ครบ 5,000 บาทขึ้นไปต่อวัน รับคูปองแทนเงินสดหรือคูปองส่วนลดรวมสูงสุด 500 บาท (จำนวนจำกัด เมื่อช้อปตามเงื่อนไข) และรับ E- Voucher จากภาครัฐ 500 บาท รวม 1,000 บาท

ลูกค้ายังสามารถเลือกรับโปรโมชั่นเพิ่มเติมจากทางห้างฯ ในแคมเปญ Central / Robinson Shop Shop #HUGTHAIS ไทยช่วยไทย รวมใจช้อป มอบส่วนลดพิเศษสูงสุด 50%, ใช้คะแนนลดเพิ่มและรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 30% จากเดอะวันและบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ, รับคูปองแทนเงินสดหรือคูปองส่วนลดและเครดิตเงินคืนจากห้างฯและบัตรเครดิตที่ร่วมรายการสูงสุด 9,000 บาท, รับเพิ่ม E-Voucher จากภาครัฐ รวมสูงสุด 7,000 บาท (ตามเงื่อนไขที่ภาครัฐกำหนด)

“ห้างเซ็นทรัลและโรบินสันทั้ง 73 สาขาทั่วไทย เตรียมจัดแคมเปญที่น่าสนใจหมุนเวียนในแต่ละเดือน เพื่อสนับสนุนโครงการดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง พร้อมร่วมประชาสัมพันธ์โครงการเต็มที่ในทุกสื่อทั้งในห้าง และบนโซเชียลมีเดีย เพื่อสร้างการรับรู้แก่ลูกค้าในวงกว้าง”

ด้านนายจักรภพ ปิยะรัตน์ Head of property management ศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ ในเครือเซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่า เพื่อส่งเสริมการฟื้นฟูเศรษฐกิจให้กลับมาขยายตัว ศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ ทั้ง  24 สาขาทั่วประเทศ ร่วมสนับสนุนโครงการ ยิ่งใช้ ยิ่งได้ และคนละครึ่ง เฟส 3

โดยมีร้านค้า ร้านอาหาร เครื่องดื่ม ร้านสินค้าทั่วไป รวมถึงผู้ประกอบการ SME ภายในศูนย์การค้าฯ เข้าร่วมโครงการมากมาย ตั้งแต่วันที่  1 ก.ค. 2564 ซึ่งเป็นวันแรกของการเริ่มโครงการ พร้อมทั้งจัดโปรโมชั่น และสิทธิพิเศษให้ลูกค้าช้อปคุ้มค่า ในช่วงวันที่ 5 - 31 ก.ค. 2564 กับแคมเปญ ‘Robinson Lifestyle Mall Shop Shop #HUGTHAIS ไทยช่วยไทย รวมใจช้อป’

“ยิ่งใช้ ยิ่งได้” เซ็นทรัล-โรบินสัน อัดโปรแรง แจกเพิ่ม 500 บาท มอบส่วนลดสูงถึง 90% พร้อมรับคะแนนเดอะวัน 80 คะแนน เพียงช้อปภายในศูนย์การค้าฯ ครบ 800 บาท พิเศษ! ทุกวันศุกร์ตลอดแคมเปญรับคะแนนเดอะวันคูณสอง สูงสุด 160 คะแนน และสามารถแลกคะแนนเดอะวัน 500 คะแนน รับส่วนลด 100 บาท (เฉพาะร้านค้าที่ร่วมรายการ) และสิทธิพิเศษอื่นๆมากมาย

นอกจากนี้ เพื่อให้ลูกค้ามีข้อเสนอที่หลากหลายทางศูนย์การค้าฯ ยังร่วมกับพาร์ทเนอร์จากทุกธุรกิจ จัดแคมเปญ “ยิ่งช้อป ยิ่งคุ้ม” ในช่วงเวลาเดียวกัน โดยลูกค้าสแกนจ่ายผ่านแอปเป๋าตัง ในทุกๆการช้อปครบ 2,000 บาท ลูกค้าจะได้รับ Gift Voucher 100 บาท จากพันธมิตรร้านค้าชั้นนำ เพื่อใช้เป็นส่วนลดในการช้อปปิ้งภายในศูนย์ฯ รวมถึงยังรับ E-Voucher จากภาครัฐรวมสูงสุด 7,000 บาท (ตามเงื่อนไขที่ภาครัฐกำหนด)

“ยิ่งใช้ ยิ่งได้” เซ็นทรัล-โรบินสัน อัดโปรแรง แจกเพิ่ม 500 บาท สำหรับร้านที่เข้าร่วมโครงการเราจะมีสัญลักษณ์แจ้งลูกค้า ปัจจุบันมีจำนวนกว่า 200 ร้านค้า ที่ตอบรับเข้าร่วมโครงการ อาทิ ท็อปส์มาร์เก็ต, ซูเปอร์สปอร์ต, เพาเวอร์บาย, ออฟฟิศเมท, บีทูเอส, วัตสัน, แฟมิลี่มาร์ท, เอ็มเค เรสโตรองต์, เคเอฟซี, ยาโยอิ, แหลมเจริญ ซีฟู้ด, ซูกิชิ โคเรียน ชาร์โคล กริลล์, ฮองอะจิ ราเมน, มิสเตอร์ โดนัท, อานตี้ แอนส์

เจมาร์ท, ออปโป แบรนด์ ช็อป, แว่นท็อปเจริญ, เค-ที ออพติค, โอเรียนทอล พริ้นเซส, ออโต้วัน, เอทูแซด ฯลฯ ซึ่งคาดว่าทั้งสองโครงการจะช่วยสร้างบรรยากาศการจับจ่ายที่คึกคัก และยังช่วยเพิ่มโอกาสในทางการค้าให้ผู้ประกอบการสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้ภาพรวมลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการภายในศูนย์ฯ เพิ่มขึ้นราว 20%