ต้องยอมรับว่าในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา กระแสการพูดถึงและแห่จองวัคซีน “โมเดอร์นา” ร้อนแรงและหมดเกลี้ยงในเวลาอันรวดเร็ว แน่นอนว่าเหตุผลหลักคือ ความต้องการวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูงและ “โมเดอร์นา” น่าจะเป็นวัคซีนที่เข้าถึงได้มากที่สุด
ด้วยเหตุผลเพราะสามารถเลือกและจ่ายเงินเองได้ โดยไม่ต้องมีเงื่อนไขข้อจำกัดมากมาย เช่นเดียวกับวัคซีนหลักอย่างซิโนแวค แอสตร้าเซนเนก้า หรือแม้กระทั่งซิโนฟาร์ม แต่ความจำเป็นที่คนไทยจะต้องฉีดวัคซีนเข็ม 3 หรือไม่ และต้องเป็น “โมเดอร์นา” หรือไม่
“ฐานเศรษฐกิจ” ได้มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษ “ผศ.นพ.มนต์เดช สุขปราณี” อายุรแพทย์โรคติดเชื้อ โรงพยาบาลเมดพาร์ค ที่จะมาให้ความรู้แบบถึงแก่นในเรื่องของ “วัคซีน”
ผศ.นพ.มนต์เดช เล่าให้ฟังว่า วันนี้สิ่งที่ผู้คนรับทราบ คือ ไม่ว่าจะติดเชื้อโดยธรรมชาติหรือภูมิต้านทานที่เกิดจากการฉีดวัคซีนแล้วก็ตาม การติดเชื้อโคโรนาไวรัส ตามธรรมชาติภูมิต้านทานจะอยู่ไม่เกิน 1 ปีหรืออาจสั้นกว่านั้น
ส่วนวัคซีนเองเมื่อฉีดไปแล้วจะอยู่ได้นานแค่ไหน ตัวเลขเหล่านี้ก็มีการติดตามอยู่ แต่ว่าตัวเลขกลมๆจริงๆว่าอยู่ได้กี่เดือน ยังไม่เห็น แล้วผู้ที่เริ่มพูดเรื่องการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 คนแรกก็คือ ประธานของบริษัทไฟเซอร์เอง ที่ออกมาบอกว่าไม่น่าจะเกิน 6 เดือน และคิดว่าจะต้องบูสเตอร์คือฉีดเข็มที่ 3 กันแน่ๆ
ถัดมาคือคุณหมอหลายๆ ท่าน บางท่านบอกว่า ฉีดซิโนแวคเข็มที่ 3 หรือฉีดแอสต้าฯเข็มที่ 3 น่าจะยังพอไหวอยู่
“พอไหวคือภูมิต้านทานน่าจะสูงขึ้นมาที่จะสู้กับเชื้อกลายพันธุ์นี้ได้ แต่ว่านั่นเป็นการคาดเดาจากประสบการณ์ไม่มีตัวเลขหรือข้อมูลที่สนับสนุน”
โรงพยาบาลรามาธิบดี แจ้งปิดรับจองวัคซีนโมเดอร์นา จองครบเต็มจำนวนแล้ว
รถติดทั้งเมืองแห่จอง"โมเดอร์นา"พรึบเดียวเกลี้ยงรพ.เชียงใหม่ราม
หากถามว่า “คนไทยควรจะต้องฉีดเข็ม 3 หรือไม่”
ผมคิดว่าเราคงจะต้องมาดูข้อมูลความเป็นจริงก่อนว่าฉีด 2 เข็มแล้วไม่พอจริงๆ ข้อมูลของ 2 เข็ม หมอเรียนว่าเริ่มต้นจาการที่เราพุ่งประเด็นไปที่เชื้อสายพันธุ์อินเดีย ต้องกลับมาดูว่าข้อมูลปัจจุบันที่มีอยู่ สายพันธุ์อินเดียถ้าฉีด 2 เข็มพอหรือไม่ จะสู้ได้หรือไม่
ย้อนไปดูว่าสายพันธุ์อินเดียที่มีข้อมูลระบุว่า ในสภาวะการที่เอาไปใช้จริงที่อังกฤษฉีด “ไฟเซอร์” 2 โดสสามารถจะควบคุมเชื้ออัลฟาของสายพันธุ์อังกฤษได้ 93% ส่วนสายพันธุ์อินเดียหรือเดลต้าได้ 88%
แต่วัคซีนไฟเซอร์ไม่อยากพูดเท่าไหร่ เพราะในประเทศไทยยังไม่มี เอาของที่มีคือ แอสตร้าเซนเนก้า ซึ่งในอังกฤษผู้ที่ฉีดแล้ว 2 เข็ม ข้อมูลจากรัฐบาลอังกฤษบอกว่า สามารถควบคุมเชื้ออัลฟาได้ 66.1% แล้วก็มีสิทธิภาพกับเดลต้าได้ 59.8% เห็นตัวเลขนี้อาจจะตกใจว่าสอบผ่านมั้ยเกือบ 60%
อยากให้ดูในรายละเอียด ซึ่งจะเห็นว่าหากฉีดแอสตร้าฯ 2 โดส จะสามารถป้องกันการแอดมิทหรือเข้าโรงพยาบาลเนื่องจากสายพันธุ์เดลต้าได้ 92% และยังป้องกันไม่ให้เสียชีวิตก็คือ “ไม่มีใครเสียชีวิต” ด้วยสายพันธุ์อินเดียเลย
ผศ.นพ. มนต์เดช กล่าวอีกว่า ข้อมูลนี้สำคัญมาก เพราะเวลาเห็นตัวเลขชุดแรกปุ๊ปจะตกใจกลัว แต่ถ้าดูจากข้อมูลที่อังกฤษแล้วยังเอาอยู่ สมมุติว่าเมื่อเจอสายพันธุ์เดลต้าที่หลักสี่ แล้วเราติดมา เราฉีดมาแล้ว 2 เข็ม โอกาสที่จะต้องเข้าโรงพยาบาล เนื่องจากสายพันธุ์เดลต้าจะน้อยลงมากแทบไม่เกิน 8% แต่โอกาสที่เราจะป่วยฉับพลันก็มีประมาณหนึ่ง
“เราอาจจะป่วย อาจจะติดเชื้อสายพันธุ์เดลต้า แต่ไม่เข้าโรงพยาบาลและไม่ตายแน่นอน”
ถามว่ายังใช้ได้ไหม 2 เข็ม คำตอบ “ได้นะ” แต่ว่าทำให้ดีกว่านี้ได้มั้ย ต้องเรียนว่าเมื่อต้นเดือนมิ.ย. ในประเทศอังกฤษมีการศึกษาเรื่องการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ซึ่งทำกันเป็นวงกว้างมากในชื่อ COV-Boost ซึ่งเป็นการนำวัคซีนหลายๆชนิดมาศึกษาถึงผลที่เกิดขึ้น เช่น
ชุดที่ 1. ฉีดไฟเซอร์ 2 เข็ม ตามด้วยบูสเตอร์ได้แก่ แอสตร้าฯ , โนวาแวค , จอนห์สันแอนด์จอนห์สัน (J&J) , โมเดอร์นา ฯลฯ และศึกษาผลที่เกิดขึ้น
ชุดที่ 2 ฉีดแอสตร้าฯ 2 เข็ม ตามด้วยบูสเตอร์ได้แก่ ไฟเซอร์, โนวาแวค , จอนห์สันแอนด์จอนห์สัน, โมเดอร์นา ฯลฯ และศึกษาผลที่เกิดขึ้น
เห็นได้ว่าเขากำลังพยายามหาสูตรว่าบูสเตอร์ด้วยอะไรจะดีที่สุด ข้อมูลเบื้องต้นยังไม่มีออกมา เพราะว่าเพิ่งเริ่มต้น สิ่งที่รู้ล่าสุดคือ พบว่าแอสตร้าฯ โดสที่สาม ดูเหมือนจะเวิร์ค แต่ไม่มีข้อมูลว่าแอสตร้าฯ โดสที่ 3ฉีดร่วมกับ 2โดสแรกคืออะไร
และต้องดูจากการออกแบบว่าการฉีดบูสเตอร์ ต้องมากกว่า 3 เดือนไปแล้วหลังจากฉีดโดสที่ 2 แต่ตัวเลขแน่ๆ ว่าตกลงกี่เดือนยังไม่มีข้อมูลออกมา ซึ่งการศึกษาครั้งนี้ศึกษาจากคนรวมทั้งหมดเกือบ 3,000 คน
ร้องผู้ตรวจฯ สอบรัฐบริหาร“วัคซีนโควิด”ล้มเหลว ซื้อแต่ “ซิโนแวค” คุณภาพต่ำ
อีกด้านหนึ่งคือ สหรัฐอเมริกา ก็มีการศึกษาโดย “สถาบันสุขภาพของอเมริกา” หรือ NIH ซึ่งศึกษาเฉพาะวัคซีนที่ใช้อยู่ในอเมริกา ซึ่งมี 3 ชนิดได้แก่ ไฟเซอร์, โมเดอร์นา และ J&J โดยศึกษาว่า การฉีดวัคซีนจะใช้ ไฟเซอร์ 2 โดส หรือ โมเดอร์นา 2 โดส หรือ J&J 1 โดสเป็นบูสเตอร์ หรือจะใช้โมเดอร์นาทั้งหมด
“ที่อเมริกาศึกษามาระยะหนึ่ง คาดว่าจะรู้ผลในไม่เกิน 1 ปี”
พอได้ฟังแบบนี้ทั้งหมดแล้วต้องเรียนว่า ถามว่ากระตุ้นด้วยอะไรดี กระตุ้นห่างกันกี่เดือน และ 2 เข้มแรกควรเป็นอะไรดี จะเอาอะไรผสมกับอะไร ทางยุโรปและอเมริกาก็กำลังทำอยู่
ส่วนทางด้านเอเซีย “จีน” ผู้ผลิตวัคซีนซิโนแวคเอง ออกมายอมรับว่าภูมิคุ้มกันอาจไม่ค่อยดี แต่คุณหมอ โรงพยาบาลและหลายคนออกมาสนับสนุน
เรื่องนี้ หมอเองรับฟังทั้ง 2 ด้าน แต่ว่าซิโนแวคออกมาให้ข่าวว่า เขาจะทำบูสติ้งเหมือนกัน จะเอามาบูสกับซิโนแวค ส่วนข้อมูลการบูสเตอร์ซิโนแวคในอเมริกาไม่มี เพราะในอเมริกาไม่ได้ฉีดซิโนแวค แต่มีข้อมูลในยูเออีกับบาห์เรน ที่ได้ก้าวไปถึงขั้นตัดสินใจใช้ซิโนฟาร์มฉีดเป็นโดสที่ 3
ซึ่งพบว่า ซิโนฟาร์มในยูเออี มีประสิทธิภาพ 86% แต่ว่าเมื่อมาทดสอบกับเชื้อกลายพันธุ์แอฟริกาใต้ มีประสิทธิภาพต่ำ ทางยูเออีก็เลยตัดสินใจบูสเตอร์ด้วยการให้ซิโนฟาร์มโดสที่ 3 แล้วบาห์เรนก็ตามพี่ใหญ่ โดยระบุว่า เป็นการตัดสินใจส่วนตัวของประเทศไม่ใช่คำแนะนำของซิโนฟาร์ม
แม้วันนี้คนไทยจะฉีดวัคซีนเข็มแรกได้เพียงหลักสิบล้านคนเศษ แต่ด้วยเชื้อกลายพันธุ์ที่มาบุกเร็วเกินต้าน ทำให้หลายคนมองหาวัคซีนที่มีประสิทธิภาพและมุ่งหวังวัคซีนเข็ม 3 ที่จะมาเป็น “บูสเตอร์” ทำให้กระแส “โมเดอร์นา” ร้อนแรงสุดๆ เห็นได้จากยอดจองที่หลายโรงพยาบาลเปิดและหมดในเวลาอันรวดเร็ว แม้จะยังไม่เห็นเงา “วัคซีน” ก็ตามที