ภญ. อาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เปิดเผยว่า โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ไม่มีเจตนานำเข้าวัคซีนเพื่อเหตุผลทางธุรกิจ แต่พิจารณาตามกำลังคนของบุคคลากรของเรา และความสามารถในการฉีดวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ มีคุณภาพ และปลอดภัย เมื่อเทียบกับการฉีดวัคซีนภาคประชาชนผ่านหมอพร้อม รับได้ประมาณวันละ 300 ราย
ทั้งนี้ ได้รับการจัดสรรจากสมาคมโรงพยาบาลเอกชน ในจำนวนน้อยกว่าที่จอง โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จึงจำเป็นต้องบริหารจัดการ และมีความยืดหยุ่นในการกระจายวัคซีนอย่างเป็นธรรมและเหมาะสม โดยคำนึงถึงหลักความปลอดภัย และประโยชน์ของผู้ป่วยเป็นอันดับหนึ่ง
โดยโรงพยาบาลฯ ขอบริหารจัดการเรื่องวัคซีนทางเลือก Moderna ออกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้
1 กลุ่มผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนใดๆ มาก่อน จะได้การจัดสรรวัคซีน Moderna 2 เข็ม (คาดว่าจะมาถึงในช่วง พฤศจิกายน 2564 – มีนาคม 2565) และ ขอสำรองการจองวัคซีน Moderna ให้กับผู้ป่วยของโรงพยาบาลฯ ก่อน เนื่องด้วยการมีประวัติการรักษา ซึ่งทำให้โรงพยาบาลฯ สามารถให้การดูแลได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อความปลอดภัยและเป็นไปตามมาตรฐานของบำรุงราษฎร์ โดยเฉพาะกรณีเกิดอาการไม่พึงประสงค์
2 กลุ่มผู้ที่รับ Sinovac 2 เข็มแล้ว มีข้อมูลพบว่าอาจมีภูมิต้านทานไม่เพียงพอกับสายพันธุ์ Delta จึงสามารถ ฉีด Moderna เพื่อเป็น booster 1 เข็มได้ ทั้งนี้จะมีการจัดสรรให้กลุ่มแพทย์ บุคลากรทางการแพทย์ และพนักงาน ซึ่งได้รับการฉีด Sinovac จำนวน 2 เข็ม เพื่อให้มั่นใจว่าบุคลากรโรงพยาบาลจะมีความปลอดภัย มีภูมิคุ้มกันอย่างเพียงพอ ในการบริบาลผู้ป่วยให้ได้ตามมาตรฐาน
อย่างไรก็ตาม รพ. ขอแสดงความชื่นชม ต่อการตัดสินใจของภาครัฐ ที่จะนำเข้าวัคซีนไฟเซอร์ 20 ล้านโดส ในเดือนตุลาคมนี้ เพื่อบริการฟรีให้กับภาคประชาชน นับเป็นการแก้ไขปัญหา ได้อย่างทันท่วงที ซึ่งอาจทำให้รพ.สามารถมีวัคซีน Moderna เหลือเพิ่มขึ้น หากสามารถใช้ Pfizer กับบุคลากรของรพ. เพื่อนำไปสู่การกระจายสู่ภาคประชาชนที่มีความจำเป็นต่อไป
โรงพยาบาลฯ จะเปิดให้ทำการลงทะเบียนวัคซีนทางเลือก Moderna ผ่านหน้า website Bumrungrad.com เพียงแหล่งเดียว ตั้งแต่วันที่ 9 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป จนกว่าวัคซีนที่ รพ. ได้รับการจัดสรรในล็อตแรกครบเต็มจำนวน
ทางด้าน ผศ. นพ. วิชัย เตชะสาธิต แพทย์ผู้ชำนาญการด้านอายุรศาสตร์โรคติดเชื้อ และผู้อำนวยการ ศูนย์บัญชาการสถานการณ์โควิด-19 โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เปิดเผยว่า โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เปิดให้ บุคคลทั่วไปทั้งชาวไทย และต่างชาติที่พำนักในประเทศไทย (Expat) ที่ยังไม่ได้เข้าถึงวัคซีนแนะนำให้ฉีด
ส่วนคนที่ฉีด Sinopharm หรือ Sinovac ครบ 2 เข็ม และต้องการฉีด Moderna เป็น booster 1 เข็ม ซึ่งคือกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์และกลุ่มคนไข้รุ่นแรกๆ หลังจากได้รับวัคซีนเข็ม 2 แล้วนานเกิน 3-6 เดือน
“เนื่องจากจำนวนวัคซีนมีจำนวนจำกัด กลุ่มผู้ที่รับวัคซีน AstraZeneca ควรฉีด AZ ให้ครบ 2 เข็ม และรอวัคซีนตัวใหม่ generation 2 ในกลางปีหน้า ซึ่งเป็นวัคซีนชนิด Multi-variant Vaccine ที่อาจช่วยสร้างภูมิต้านทานครอบคลุมกว้างทุกสายพันธุ์ หากจะฉีด Moderna เป็น Booster Dose 1 เข็ม ก็ไม่มีความจำเป็น ดังนั้น ผู้ที่ฉีด AZ จึงไม่มีความจำเป็นต้องจอง Moderna ในช่วงนี้”
สำหรับผู้ที่ฉีด AZ ควรฉีดให้ครบ 2 เข็ม แล้วควรรอวัคซีนที่กำลังจะออกเป็น generation ใหม่ ซึ่งบริษัทผู้ผลิตกำลังดำเนินการผลิตอยู่ วัคซีนดังกล่าวจะป้องกันโควิด-19 ได้หลากหลายสายพันธุ์ ที่เรียกกันว่า Multi-variant vaccine คล้ายๆ วัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่ฉีดเพียงตัวเดียว ป้องกันได้ 4 สายพันธุ์
คาดว่า Multi-variant vaccine จะเริ่มการผลิตในไตรมาส 1 ปี 2565 และทยอยส่งมอบราวกลางปีและสำหรับคนที่ฉีดวัคซีน AZ ไปแล้ว 1 เข็ม ขอให้ใช้แพลตฟอร์มแรกในการฉีดเข็ม 2 เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้ได้สูงสุด จึงไม่แนะนำให้สลับ platform มาฉีด Moderna เนื่องจากปัจจุบัน WHO ยังไม่มีข้อแนะนำ โดยกำลังอยู่ในขั้นการทดลอง และยังไม่รู้ผลข้างเคียงในระยะยาว