นางสาวปิยจิต รักอริยะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ครึ่งปีแรกเซ็ปเป้สามารถรักษาการเติบโตได้ดี แม้ตลาดในประเทศจะยังทรงตัวจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ค่อนข้างรุนแรงเข้ามากระทบแต่ยังสามารถประคองตัวได้
และคาดว่าจะฟื้นตัวได้ในครึ่งปีหลัง ทำให้รายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 10-15% ขณะที่ตลาดต่างประเทศซึ่งมีการส่งออกมากกว่า 90 ประเทศทั่วโลกยังคงเติบโตได้ดี เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดมีสัญญาณบวกและเศรษฐกิจเริ่มที่จะฟื้นตัว อย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ไตรมาส 2/2564 เป็นต้นมา
โดยเฉพาะการส่งออกไปอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ ที่เข้าสู่ช่วงไฮซีซันสอดคล้องกับตัวเลขเศรษฐกิจการส่งออกของประเทศไทย ส่งผลให้ปัจจุบันรายได้หลักของเซ็ปเป้มาจากตลาดต่างประเทศ คิดเป็นสัดส่วน 50-60% และตลาดในประเทศ 40-50%
“สำหรับครึ่งปีหลังมองว่า กำลังซื้อผู้บริโภคน่าจะกลับมาบ้าง ซึ่งเซ็ปเป้ยังคงรักษาเป้าการเติบโต 10% เพราะเราไม่รู้ว่าเอฟเฟคจากโควิดจะอยู่นานแค่ไหน แต่เท่าที่มองในครึ่งปีหลังน่าจะมีแสงสว่างบ้าง และเรายังคงมองหาวิธีในการเติบโตให้ได้”
ในปีที่ผ่านมา เซ็ปเป้ มีรายได้ราว 3,000 ล้านบาท และปีนี้เซ็ปเป้ตั้งเป้าการเติบโต 10% โดยในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทมีแผนออกสินค้าใหม่เพิ่มเติมประมาณ 15-20 รายการ รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ CBD ในช่วงไตรมาส 4
อย่างไรก็ตาม ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาบริษัทได้ทยอยออกสินค้าใหม่ลงสู่ตลาด ซึ่งเป็นไปตามกลยุทธ์ความร่วมมือ (Collaboration) กับพันธมิตรเพื่อเปิดตลาดใหม่ๆ เช่น ผนึกความร่วมมือเวิร์คพอยท์ เปิดตัว ลูกอมครูเพ็ญศรี ซึ่งเป็นการสร้างสรรค์สินค้าผ่าน Character Asset เพื่อรุกตลาดลูกอมซึ่งมีมูลค่าราว 11,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะสามารถทำรายได้ 100 ล้านบาทในปีแรก
ล่าสุดได้จับมือกับบริษัท ห้าตะขาบ (ซิมเทียนฮ้อ) จำกัด ออกสินค้าใหม่ SAPPE x Takabb เครื่องดื่มน้ำสมุนไพรขวดช็อต ลดการระคายคอรุกตลาด Functional Herbal Drink ตอบโจทย์ผู้บริโภคในช่วงของโควิด เจาะกลุ่ม Gen Y และGen Z โดยตั้งเป้าหมายยอดขายประมาณ 100 ล้านบาทในปีแรก
ในส่วนของการทำการตลาด บริษัทยังคงมีกิจกรรมค่อนข้างแน่นตลอดทั้งปี โดยโฟกัสช่องทางการทำการตลาดออนไลน์และในรูปแบบของ in store มากขึ้น เพื่อกระตุ้นลูกค้า ณ จุดขาย
“ตั้งแต่เกิดโควิด บริษัทปรับตัวตลอดเวลาเพราะสถานการณ์มันเปลี่ยนแปลงตลอด ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะเรามีคู่ค้าในต่างประเทศค่อนข้างเยอะ แผนธุรกิจในแต่ละต่างประเทศก็ค่อนข้างที่จะแตกต่างกันออกไป
หลังจากโควิดคลี่คลายเซ็ปเป้คงต้องบุกตลาดและเริ่มทำในส่วนของมาร์เก็ตติ้งให้มากขึ้น รวมทั้งทยอยปล่อยสินค้าใหม่ที่จะตอบโจทย์ผู้บริโภคที่อาจจะมีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งตอนนี้เราศึกษาเพิ่มขึ้นต่อเนื่องว่า นิวนอร์มอล ที่จะเกิดขึ้นมา พฤติกรรมผู้บริโภคจะเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง”
หน้า 14-15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 41 ฉบับที่ 3,697 วันที่ 18 - 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2564