“สยามพิวรรธน์” เจ้าของและผู้บริหารศูนย์การค้าสยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ หนึ่งในพันธมิตรเจ้าของ “ไอคอนสยาม” และ สยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต กรุงเทพ ประกาศยุทธศาสตร์เดินหน้าผลักดันนวัตกรรม รับมือการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจจากวิกฤติโควิด-19
นางชฎาทิพ จูตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ เปิดเผยว่า สยามพิวรรธน์เดินหน้าเคียงข้างคู่ค้าและคนไทย เร่งผลักดันนวัตกรรม พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทิศทางเศรษฐกิจจากวิกฤตโควิด-19 โดยมุ่งเตรียมความพร้อมให้คู่ค้า พันธมิตรทางธุรกิจ และคนไทย
โดยดำเนินงานในรูปแบบต่างๆ อาทิ การจัดสัมมนาให้ความรู้ในหัวข้อ “ทิศทางเศรษฐกิจ ฝ่าวิกฤต COVID-19 เตรียมพร้อมธุรกิจยุค New Normal” ซึ่งได้รับเกียรติจากธนาคารแห่งประเทศไทย และธนาคารกรุงไทย มาให้ความรู้ และข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับการปรับตัวของภาคธุรกิจเพื่อเข้าสู่โลกวิถีใหม่
พร้อมจับมือกับธนาคารกรุงไทย ให้ความช่วยเหลือคู่ค้าของสยามพิวรรธน์ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ให้สามารถเข้าถึงสินเชื่อฟื้นฟู และสินเชื่อเงินทุนหมุนเวียนสำหรับคู่ค้า การนำแบรนด์ไทยและผู้ประกอบการ SMEs ขยายสู่ตลาดต่างประเทศ ผ่านความร่วมมือกับเครือข่ายพันธมิตรค้าปลีกในหลากหลายประเทศ
ตลอดจนเดินหน้านำเสนอประสบการณ์ที่แปลกใหม่จากแบรนด์ชั้นนำทั่วโลกที่จะมาสร้างความตื่นตาตื่นใจ ช่วยกระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยและฟื้นฟูเศรษฐกิจในไตรมาสสุดท้ายของปี พร้อมยังคงให้ความช่วยเหลือคนไทยในทุกมิติภายใต้โครงการ “สยามรวมใจ ไทยช่วยไทย” ที่ทำมาอย่างต่อเนื่องตลอด 16 เดือนที่ผ่านมา
“นับตั้งแต่เริ่มมีเหตุการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 กลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ รวมทั้งพันธมิตรและคู่ค้าของบริษัทฯ ต้องเผชิญกับความท้าทายอย่างใหญ่หลวงจากการแพร่ระบาดในวงกว้าง และระยะเวลาการแพร่ระบาดที่ยืดเยื้อ จนส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วนในห่วงโซ่อุปทานโลก (Global Supply Chain)
ทั้งในภาคการผลิตและการให้บริการ เพราะการระบาดนั้นยากที่จะคาดเดา เกิดขึ้นหลายระลอก ทำให้ทุกภาคส่วนต้องเร่งปรับตัวให้ตอบรับกับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงให้ได้อย่างรวดเร็ว ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สยามพิวรรธน์ได้พยายามอย่างเต็มกำลังที่จะให้ความช่วยเหลือ
ผู้เช่าร้านค้าและพันธมิตรทางธุรกิจที่ได้รับผลกระทบในทุกวิถีทาง และยังได้ผนึกความร่วมมือตั้งแต่ภาครัฐ ภาคเอกชน ชุมชน รวมไปถึงผู้คนอีกจำนวนมากเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 ซึ่งครอบคลุมการดำเนินงานไปถึงด้านสาธารณสุข เศรษฐกิจ และสังคม”
นางชฎาทิพ กล่าวอีกว่า สยามพิวรรธน์ ได้ให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบผ่านโครงการ “สยามรวมใจ ไทยช่วยไทย” ได้แก่ ‘ไทยช่วยไทย’ ส่งเสริมให้คนไทยช่วยเหลือและสนับสนุนคนไทยด้วยกัน ‘ไทย SAVE ไทย’ สนับสนุนวาระแห่งชาติด้านสาธารณสุข และ ‘ไทยช้อปไทย’ กระตุ้นเศรษฐกิจไทยและการจับจ่ายใช้สอย
ด้านนางกนกลดา ฤกษ์เกษม กรรมการผู้จัดการใหญ่สายพัฒนาธุรกิจและบริหารการเงิน บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า ตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สยามพิวรรธน์ได้มีความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนธุรกิจของคู่ค้าให้สามารถดำเนินต่อไปได้อย่างเต็มความสามารถ
ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มช่องทางการขายให้ร้านค้าผ่านบริการ Call & Shop, Luxury Chat & Shop, Click & Shop และ Ultimate Chat & Shop รวมถึงความร่วมมือกับแอปพลิเคชัน Robinhood และ True Food เพื่อสนับสนุนธุรกิจอาหารผ่านการขยายช่องทางการจำหน่ายแบบออมนิแชนแนล (Omni-Channel)
ที่ผ่านมาบริษัทมีการเตรียมมาตรการล่วงหน้าสำหรับคู่ค้าเพื่อรองรับสถานการณ์ต่างๆ มาโดยตลอด เช่นเดียวกับครั้งนี้ ที่ได้รับเกียรติจากธนาคารแห่งประเทศไทย และธนาคารกรุงไทย ร่วมจัดสัมมนาเพื่อให้ข้อมูล และความรู้ที่เป็นประโยชน์ต่อการบริหารจัดการด้านการเงินของคู่ค้าและพันธมิตร
อาทิ มาตรการพิเศษเรื่องสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่อง และทิศทางเศรษฐกิจโดยรวม เพื่อให้ทุกคนสามารถวางแผนและเตรียมตัวรับมือการเปลี่ยนแปลงในอนาคตได้ พร้อมจับมือ “ธนาคารกรุงไทย” ให้ความช่วยเหลือคู่ค้าของสยามพิวรรธน์ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19
ให้สามารถเข้าถึงสินเชื่อฟื้นฟู และสินเชื่อเงินทุนหมุนเวียน เพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง ประคับประคองธุรกิจให้สามารถผ่านพ้นช่วงวิกฤตไปได้
แม้ในสถานการณ์ที่ผ่านมาจะทำให้การค้าขายกับลูกค้าต่างชาติเป็นไปได้ยาก สยามพิวรรธน์ยังคงยึดมั่นในความตั้งใจที่จะผลักดันแบรนด์ไทยให้เป็นที่รู้จักและสร้างชื่อเสียงในต่างประเทศ จึงได้จับมือพันธมิตรธุรกิจค้าปลีกในหลากหลายประเทศเพื่อนำสินค้าไทยไปเปิดตลาดให้เป็นที่รู้จักในต่างประเทศ
ขณะที่นางอุสรา ยงปิยะกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจค้าปลีก บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า วิกฤตโควิด-19 ทำให้การเดินทางเข้ามาของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติลดลงจนส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายย่อยที่มีฐานลูกค้าหลักเป็นชาวต่างชาติ
สยามพิวรรธน์ ได้เล็งเห็นถึงผลกระทบที่มีต่อธุรกิจของคู่ค้า เราจึงได้จับมือกับพันธมิตรธุรกิจค้าปลีกในต่างประเทศเพื่อนำสินค้า SMEs ของไทยที่ชาวต่างชาติชื่นชมไปขายในแพลตฟอร์มต่างประเทศที่มีศักยภาพ โดยล่าสุดเราได้มีการคัดเลือกสินค้าหลากหลายประเภทที่โดดเด่นจากร้านในเครือ
อาทิร้าน ร้านไอคอนคราฟต์ (ICONCRAFT) พื้นที่แห่งแรงบันดาลใจและแหล่งรวมผลงานของช่างฝีมือไทยทั่วประเทศที่ใหญ่ที่สุด พร้อมเชิดชูและสร้างความภาคภูมิใจกับความคิดสร้างสรรค์และภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ถ่ายทอดและนำเสนองานหัตถศิลป์ในมุมมองใหม่ที่ใหญ่ที่สุดกว่า 800 แบรนด์ลงบนงานหัตถศิลป์และนวัตศิลป์ของไทย
ร้านแอ็บโซลูทสยาม (Absolute Siam Store) ที่นำเสนอสินค้าแฟชั่น ไลฟ์สไตล์ และของที่ระลึก ในสไตล์ครีเอทีฟป๊อป คัลเจอร์ จากดีไซเนอร์และนักออกแบบไทยชั้นนำ กว่า 150 แบรนด์ ร้านอีโค่โทเปีย (Ecotopia) ที่นำเสนอสินค้ารักษ์โลกคิดค้นโดยคนไทย ที่ตรงกระแสใส่ใจสุขภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
โดยมีแผนที่จะนำไปวางจำหน่ายในรูปแบบออนไลน์ และออฟไลน์ที่ประเทศจีน มาเลเซีย เวียดนาม และอีกหลายประเทศในแถบภูมิภาคเอเชีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจและมีกำลังซื้อสูง”
นอกจากนี้ สยามพิวรรธน์ ยังได้เตรียมการที่จะนำเสนอสินค้าและประสบการณ์ที่แปลกใหม่ เป็นครั้งแรกจาก แบรนด์ชั้นนำทั่วโลก ที่จะมาสร้างความตื่นตาตื่นใจ ช่วยกระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยและฟื้นฟูเศรษฐกิจ
นางแคโรไลน์ เมอร์ฟีย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายงานขายและธุรกิจ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า สยามพิวรรธน์ยังคงเชื่อมั่นว่าหลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลง ผู้คนจะหาประสบการณ์ใหม่ๆ ที่จะสร้างแรงบันดาลใจ มากกว่าการท่องอยู่บนโลกออนไลน์
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาสยามพารากอนยังได้รับความไว้วางใจจากแบรนด์ชั้นนำมากมาย แบรนด์ลักชัวรี่หลายแบรนด์ได้เผยโฉมคอนเซ็ปต์ใหม่และเปิดป๊อปอัพสโตร์ นอกจากนี้ยังมีแบรนด์ชั้นนำที่มาเปิดตัวเป็นครั้งแรกที่สยามพารากอน ได่แก่ Tonchin Ramen (ทงชินราเมง) ร้านราเมนชื่อดังจากมหานครนิวยอร์ก
Bang & Olufsen แบรนด์เครื่องเสียงชั้นนำของโลก และ Maison Kitsune x Café Kitsune แบรนด์เสื้อผ้า และคาเฟ่ที่ผสานปารีสและโตเกียวไว้เป็นหนึ่ง นอกจากนี้ KIKO Milano แบรนด์เครื่องสำอางค์ชั้นนำจากอิตาลี ได้เปิดตัวเป็นแห่งแรกในประเทศไทย ณ สยามเซ็นเตอร์
การเปิดตัว Mega Harbourland สนามเด็กเล่นในร่ม รวมทั้ง Great Wall Motors บริษัทผู้นำด้านรถยนต์พลังงานไฟฟ้าและไฮบริดจากประเทศจีนที่จะมาเปิด Experience Center บนพื้นที่กว่า 1,600 ตารางเมตร ณ ไอคอนสยาม
นางชฎาทิพ กล่าวปิดท้ายว่า สยามพิวรรธน์ ได้ดำเนินการปรับปรุงโครงการ และยังมุ่งพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อเชื่อมโยงประสบการณ์บนโลกออนไลน์กับโลกออฟไลน์ให้กับลูกค้าอย่างไร้รอยต่อ ภายใต้ ดีเอ็นเอ การดำเนินธุรกิจในการสร้างประสบการณ์ที่แตกต่าง แต่ตรงใจ
จนทำให้ได้รับรางวัลระดับโลกมาแล้วมากมาย ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากผู้เช่า และพันธมิตรทางธุรกิจ สยามพิวรรธน์พร้อมเดินหน้าเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลโดยการนำ Data-Powered Marketing เพื่อการใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่ลึกขึ้น
มาช่วยให้เข้าใจพฤติกรรมของลูกค้าได้ดีขึ้น พร้อมที่จะมาสร้างเป็นแพลตฟอร์มใหม่ ตอบโจทย์ คู่ค้า พันธมิตรทางธุรกิจ และผู้คนจากทั่วโลก ตอกย้ำความเป็นหนึ่งในโครงการที่ดีที่สุดในโลกที่ได้สร้างการมีส่วนร่วมกับลูกค้าอันมีความหมายและน่าจดจำ