นายทอม เบอร์ซิงเกอร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ. เมนารินี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า เอ. เมนารินีมองเห็นโอกาสการเติบโตของธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อบำรุงผิวและความงามในไทยอย่างมาก เพราะทุกวันนี้ผู้บริโภคหันมาศึกษาและใส่ใจนวัตกรรมในการดูแลปรนนิบัติตัวเองต่างๆมากขึ้น
บริษัทในฐานะเป็นผู้เชี่ยวชาญศาสตร์แห่งความงามมายาวนานทั้งในตลาดไทยและตลาดโลก จึงเปิดตัวครีม Calecim ® เพื่อให้ชาวไทยได้เข้าถึงผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าที่เป็นนวัตกรรม โดยก่อนหน้านี้ได้มี คาลีซิม โปรเฟสชั่นนอล เซรั่ม (CALECIM Professional Serum)
ซึ่งผู้บริโภคจะใช้ได้ก็ต่อเมื่อต้องเข้าไปรับบริการที่คลินิกโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อแนะนำวิธีใช้ที่เหมาะกับสภาพผิวเท่านั้น แต่จากปัญหาการจำกัดการเปิดบริการคลินิกเวชกรรมและธุรกิจ เพื่อความงามในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้บริษัทได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ ครีม คาลีซิม มัลติ แอคชั่น ครีม (สูตรแมค) CALECIM Professional Multi-Action Cream ( MAC)
และคาลีซิม ริสทอระทีฟ ไฮเดรชั่น ครีม (อาร์เฮชซี) CALECIM Restorative Hydration Cream ( RHC) เพื่อให้ผู้บริโภคทุกคนสามารถเข้าถึงสุดยอดนวัตกรรมการบำรุงผิวหน้าที่เราตั้งใจผลิตขึ้นเพื่อช่วยแก้ปัญหาผิว และปรนนิบัติผิวหน้าเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีทีสุด ผ่านช่องทางการจำหน่ายที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคในปัจจุบัน
“ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้าหมายที่จะร่วมผลักดันให้ประเทศไทยได้เป็นศูนย์กลางความงามของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยผลิตภัณฑ์เชิงกลยุทธ์ที่สามารถตอบสนองความต้องการที่ซับซ้อนและความคาดหวังที่สูงขึ้นของผู้บริโภคชาวไทยได้
โดยมีการจัดตั้งหน่วยงานวิจัยและพัฒนาขึ้นเพื่อทำการศึกษา ตั้งแต่การพัฒนาโมเลกุลไปจนถึงการวิจัยทางคลินิก จนได้สุดยอดผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ปัญหาผิวหน้าได้จริงและเห็นผล โดยเราได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์อย่างไม่เป็นทางการไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา
ซึ่งก็ได้รับผลตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค เราจึงได้ถือโอกาสเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงกลางปีนี้ และหวังว่ายอดจำหน่ายจะเติบโตกว่า 15% ในปีนี้ และคาดการณ์จะเติบโตต่อเนื่อง 25 % .ในปีหน้าหลังสถานการณ์โควิดคลี่คลายและเศรษฐกิจฟื้นตัว”
โดยผลการศึกษาของศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย คาดการณ์ว่าจากปีนี้ถึงปี พ.ศ. 2566 ธุรกิจเครื่องสำอางและสกินแคร์ประเทศไทยจะมีการเติบโต เฉลี่ย 7% ต่อปี โดยมีมูลค่ารวมกว่า 1.68 แสนล้านบาท แบ่งเป็นกลุ่มสกินแคร์สูงสุด รองลงมาคือ ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทำความสะอาดร่างกาย เครื่องสำอาง และน้ำหอม ตามลำดับ
ซึ่งแม้หลายธุรกิจจะกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 แต่ธุรกิจเครื่องสำอางและสกินแคร์เป็นธุรกิจที่ได้รับผลกระทบน้อยเมื่อเทียบกับสินค้าอื่นๆ โดยผลิตภัณฑ์ความงามที่ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด ได้แก่ ครีมบำรุงผิวหน้า และผิวกาย และผลิตภัณฑ์บำรุงผม ตามลำดับ
ด้านกลยุทธ์ในการทำตลาดของ Calecim ® ในประเทศไทย หลังเปิดตัว Calecim® ไปแล้วอย่างไม่เป็นทางการ บริษัทได้วางแผนที่จะทำการตลาดทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ ตอบโจทย์การรับรู้ด้านการตลาด ซึ่งหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญ คือ การให้ความรู้ในศาสตร์นวัตกรรม เทคโนโลยีและความงาม
ส่งต่อความรู้ไปยังผู้บริโภคและผู้ที่ต้องการหาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ปัญหาผิว เนื่องจากผู้บริโภคในปัจจุบันมีการศึกษาหาข้อมูลก่อนการซื้อเป็นอย่างดี การให้ความรู้ที่ตอบโจทย์และการแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญจะเป็นเครื่องมือสื่อการตลาดที่มีศักยภาพในยุคปัจจุบัน
นอกจากนี้เราได้มีการทำการตลาดในรูปแบบผสมผสาน การใช้ อินฟลูเอนเซอร์ (Influencer) ที่เป็นผู้ใช้จริง ในการสื่อสารให้ผู้บริโภคได้รับรู้และเห็นผลที่เป็นรูปธรรม พร้อมวางจำหน่ายผ่านคลินิก โรงพยาบาลชั้นนำ และสั่งซื้อได้ทาง Shopee
สำหรับ เอ. เมนารินี (A. Menarini) เป็นบริษัทเวชภัณฑ์ที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในอิตาลี ก่อตั้งมานานกว่า 130 ปี ปัจจุบันดำเนินกิจการอยู่ในกว่า 100 ประเทศทั่วโลก และได้ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมาแล้วเป็นเวลากว่า 20 ปี เป็นทั้งผู้ผลิตยา และเวชภัณฑ์เพื่อความงามให้กับบริษัท
คลินิกเวชกรรมและโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำในประเทศไทย และเป็นบริษัทผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ด้านความงามอื่น ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคโดยผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของบริษัทผ่านการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ในประเทศไทย