นายปรีชา เอกคุณากูล กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอ็น ผู้บริหารศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์, เซ็นทรัลพลาซา, เซ็นทรัลเฟสติวัล, เซ็นทรัล ภูเก็ต และ เซ็นทรัล วิลเลจ เปิดเผยว่า ซีพีเอ็น ได้รับ 4 รางวัลใหญ่ระดับเอเชียจาก “2021 All - Asia Executive Team: Rest of Asia (Asia ex-Mainland China)”
โดยได้รับรางวัลยอดเยี่ยมอันดับหนึ่งใน 3 สาขา ได้แก่ Best CEO, Best CFO, Best IR Program (Investor Relations) และรางวัลยอดเยี่ยมอันดับสองในสาขา Best ESG (Environment, Social, Governance) โดยทั้งหมดอยู่ในประเภท Sell-Side ซึ่งจัดอันดับในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ระดับเอเชีย (ยกเว้นประเทศจีนและญี่ปุ่น)
มอบโดย Institutional Investor ซึ่งเป็นสื่อธุรกิจแนวหน้าด้านการวิจัยนักลงทุนของสหรัฐอเมริกาที่ได้รับความเชื่อถือจากทั่วโลก โดยรางวัลเหล่านี้พิจารณาจากการให้คะแนนและความคิดเห็นของนักวิเคราะห์และนักลงทุน ทั้งฝ่ายซื้อและฝ่ายขายมากกว่า 4,000 ราย จาก 18 กลุ่มธุรกิจ พิจารณาจากหลายองค์ประกอบ
อาทิ ความเป็นผู้นำในธุรกิจ กลยุทธ์ในการดำเนินงาน การเปิดเผยข้อมูลทางการเงินอย่างโปร่งใส การสื่อสารและการให้บริการด้านนักลงทุนสัมพันธ์ การบริหารจัดการต่อสถานการณ์โควิด-19 โดยคำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย และการดูแลพัฒนาสิ่งแวดล้อม สังคม และยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาล เป็นต้น
“รางวัลนี้เป็นอีกหนึ่งรางวัลแห่งความสำเร็จของทั้งคณะผู้บริหารและพนักงานเซ็นทรัลพัฒนาทุกคน แม้ว่าที่ผ่านมาเราต้องเผชิญกับความท้าทายครั้งยิ่งใหญ่จากวิกฤตโควิด-19 แต่เรายังคงมุ่งมั่นจับมือเคียงข้างกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย ร่วมรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยให้ความสำคัญกับ ลูกค้า, ผู้เช่า, ผู้ถือหุ้น, พนักงาน, ไปจนถึงสังคมและชุมชน
และพร้อมผนึกกำลังทุกฝ่ายขับเคลื่อนเศรษฐกิจและประเทศไปด้วยกัน และขอถือโอกาสนี้ขอบคุณนักลงทุนและนักวิเคราะห์ทุกท่านที่ให้ความไว้วางใจและสนับสนุนแก่เซ็นทรัลพัฒนามาโดยตลอด”
เซ็นทรัลพัฒนา ดำเนินกลยุทธ์ผู้นำ เคียงข้างสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย ดังนี้
1. ลูกค้า: ดูแลศูนย์การค้าให้เป็นสถานที่สะอาดปลอดภัย คุมเข้มแผนแม่บท “เซ็นทรัล สะอาด มั่นใจ” ที่ช่วยสร้างบรรทัดฐานใหม่ให้กับสังคม พร้อมทั้งได้ยกระดับมาตรฐานตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งการพัฒนาบริการใหม่ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าพร้อมช่วยเหลือผู้เช่า
ด้วยแพลตฟอร์ม Central Connect เชื่อมโยงทุกบริการทั้งออนไลน์และออฟไลน์ อาทิ Chat & Shop ผ่าน Line @CentralLife, One Call x One Click, Drive-Thru รวมถึง CENTRAL EAT ร่วมกับ Grab Food เป็นต้น
2. พันธมิตรผู้เช่า: ช่วยเหลือคู่ค้าและผู้ประกอบการกว่า 15,000 รายทั่วประเทศแบบ 360 องศา ทั้งการเป็นรายแรกที่มีการลดค่าเช่าและช่วยเหลือตามสถานการณ์จนปัจจุบัน, การเพิ่มสภาพคล่อง ช่วยเหลือคู่ค้าให้เข้าถึงสินเชื่อฟื้นฟูกับพันธมิตรธนาคารชั้นนำ 7 แห่ง, การจัดแคมเปญช่วยผลักดันยอดขายร้านค้าทุก Category รวมถึงรุกแพลตฟอร์มใหม่ๆ อย่าง CRM Tool และแอปพลิเคชั่นช่วยเหลือผู้เช่าอย่างครบวงจร
3. ผู้ถือหุ้น: เป็นองค์กรอสังหาฯ ไทยหนึ่งเดียวที่ติดอันดับ DJSI World 3 ปีซ้อน และสร้างความเชื่อมั่นด้วยการบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ รักษาโครงสร้างเงินทุนให้แข็งแกร่ง พร้อมลงทุนเพื่อการเติบโตและผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว และแผนเดินหน้าโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง เช่น เซ็นทรัล อยุธยา, เซ็นทรัล ศรีราชา, เซ็นทรัล จันทบุรี และโครงการมิกซ์ยูส ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค เป็นต้น
4. พนักงาน: ใส่ใจในความปลอดภัยและสุขภาพพนักงาน มีการทำประกันสุขภาพโควิด, บริหารงานอย่างยืดหยุ่น ใช้ Work from Home อย่างมีประสิทธิภาพ, รักษารายได้และการจ้างงานของพนักงาน, ส่งเสริมศักยภาพเป็น Global Citizenship with Local Spirit, รวมถึงเป็นองค์กรที่ให้ความสำคัญกับ Equality & Diversity และมุ่งมั่นเป็น Best Workplace ที่มีเทคโนโลยีทันสมัยใส่ใจ Well-Being
5. ชุมชนและประเทศชาติ: ช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs, เกษตรกรและอาชีพต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบ กระตุ้นเศรษฐกิจไทยช่วยไทยอย่างเป็นรูปธรรม สนับสนุนการกิน-ช้อป-ใช้-เที่ยว ที่ไทย โดยมีเป้าหมายระยะยาวในการยกระดับผลิตภัณฑ์ SMEs และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั้งระบบ
นอกจากนี้ในช่วงวิกฤตโควิดยังได้ใช้จุดแข็งของศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั่วประเทศ ในการเป็นศูนย์กลางใกล้ชิดชุมชน สร้างโมเดลต้นแบบศูนย์การค้าปลอดภัยสำหรับฉีดวัคซีนที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล 23 สาขา รวมพื้นที่กว่า 40,000 ตร.ม. เพื่อช่วยกระจายวัคซีนให้กับประชาชน
อีกทั้งยังผนึกกำลังกลุ่มเซ็นทรัลและพันธมิตรในการช่วยเหลือด้านสาธารณสุขอย่างต่อเนื่อง ในด้านสิ่งแวดล้อมยังได้เข้าร่วมโครงการ Journey to Zero ริเริ่มโครงการ “ทิ้งดี” เพื่อเป็นองค์กรต้นแบบในการจัดการขยะ, การวางระบบรีไซเคิลน้ำในศูนย์การค้า และการติดตั้ง Solar Rooftop เพื่อประหยัดพลังงานและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
ด้านนางสาวนภารัตน์ ศรีวรรณวิทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน และรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงิน บัญชี และบริหารความเสี่ยง กล่าวว่า บริษัท มุ่งมั่นสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนในด้านเศรษฐกิจและการลงทุน โดยมีการบริหารจัดการด้านการเงิน และการปรับแผนลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ยืดหยุ่นตามสถานการณ์
โดยยึดหลักการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนภายใต้หลักบรรษัทภิบาล รวมทั้งใส่ใจดูแลสิ่งแวดล้อมและสังคมอยู่เสมอ ซึ่งรางวัลที่ได้รับนี้สะท้อนถึงความสำเร็จและเป็นเครื่องยืนยันความสามารถในการบริหารงาน การสื่อสารถึงนักลงทุนอย่างทั่วถึงและโปร่งใส และความเชื่อมั่นจากทุกฝ่าย
ปัจจุบัน เซ็นทรัลพัฒนาบริหารและพัฒนาศูนย์การค้า 34 แห่ง (อยู่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 15 โครงการ, ต่างจังหวัด 18 โครงการ และในมาเลเซีย 1 โครงการ) ศูนย์อาหาร 30 แห่ง อาคารสำนักงาน 10 อาคาร โรงแรม 2 แห่ง โครงการที่พักอาศัยอีก 15 โครงการ
ประกอบด้วยคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ ESCENT, ESCENT VILLE, ESCENT PARK VILLE, PHYLL PAHOL 34 และ BELLE GRAND RAMA 9 และโครงการแนวราบภายใต้แบรนด์ ESCENT TOWN พิษณุโลก (ทาวน์โฮม) นินญา กัลปพฤกษ์ (บ้านแฝด) โครงการนิยาม บรมราชชนนี (บ้านเดี่ยวระดับลักชูรี่) และโครงการบ้านเดี่ยว แบรนด์ใหม่ที่เพิ่งเปิดตัว ได้แก่ นีรติ เชียงราย และนีรติ บางนา