นายจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ภาพรวมผลการดำเนินงานของปีนี้มั่นใจว่าสามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้โดยกลุ่มธุรกิจคอนเทนต์ในครึ่งปีหลังจะเป็นหัวหอกที่ผลักดันการเติบโต”
ด้วยจุดแข็งด้านลิขสิทธิ์คอนเทนต์แบบ OutputDeal ทำให้ JKN สามารถนำเสนอคอนเทนต์แบรนด์ดังระดับโลกเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มผู้ชมชาวไทยและในภูมิภาคอาเซียนในทุกแพลตฟอร์มทั้งทีวีดาวเทียม ทีวีดิจิทัลและออนไลน์ ทั้งในและต่างประเทศ
ขณะเดียวกัน ด้วยแผนงาน JKN ที่มุ่งสร้างความเข้มแข็งกลุ่มธุรกิจคอมเมิร์ช หลังเข้าซื้อและบริหารสถานีทีวีดิจิทัลช่อง JKN18 เพื่อใช้เป็นเครื่องมือด้านการตลาดและสร้างการรับรู้ผลิตภัณฑ์ในฐานกลุ่มผู้ชม รวมถึงเป็นช่องทางการขายสินค้าโดยตรงให้แก่ผู้บริโภคโดยเริ่มดำเนินการในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา
ซึ่งได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นที่น่าพอใจ แม้จะเผชิญปัจจัยลบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่อาจส่งผลต่อบรรยากาศการจับจ่ายและซื้อสินค้าบ้าง
“แต่เชื่อมั่นว่าในระยะยาว ธุรกิจคอมเมิร์ชจะเป็นกลุ่มธุรกิจที่ผลักดันการเติบโตได้ดี และเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่จะนำ JKN ก้าวสู่ Content Commerce Company อย่างเต็มตัวด้วยเป้าหมายยอดขาย 5,000 ล้านบาทภายใน 3 ปี”
นอกจากนี้ในส่วนของผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2564 บริษัทฯ มีรายได้รวม 457.8 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 60.6 ล้านบาท ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยกลุ่มธุรกิจคอนเทนต์ เป็นกลุ่มธุรกิจหลักที่ทำรายได้และกำไรสุทธิให้แก่ผลงานในไตรมาสนี้
ถือเป็นความสำเร็จจากการจำหน่ายคอนเทนต์ให้ลูกค้าทั้งในและต่างประเทศที่ทยอยส่งมอบได้ต่อเนื่อง รวมถึงมีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 51% จากเดิม 44%อีกด้วย โดย ณ สิ้นสุดไตรมาส 2 JKN ยังมี Backlog รอส่งมอบคอนเทนต์ให้แก่ลูกค้าอีกกว่า 786 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ด้วยแผนยุทธศาสตร์ของ JKN ที่มุ่งขยายธุรกิจคอมเมิร์ช โดยเข้าไปซื้อและบริหารทีวีดิจิทัล JKN18 ซึ่งอยู่ในช่วงลงทุนเริ่มต้นดำเนินงานจึงมีค่าใช้จ่ายด้านการขายและการบริหารเพิ่มขึ้นในไตรมาสนี้ ประกอบกับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
ส่งผลให้ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ มีกำไรสุทธิ 160ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 180 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวม ทำได้ 900ล้านบาท
“เรายังคงเป้าหมายการเติบโตในปีนี้ 10-15% ตามแผนที่วางไว้ แม้จะมีปัจจัยลบจากโควิด-19 แต่ด้วยลิขสิทธิ์คอนเทนต์ที่หลากหลายของ JKN จึงยังสามารถตอบสนองความต้องการลูกค้าที่มีความต้องการซื้อคอนเทนต์เพื่อนำไปออกอากาศอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกับตลาดต่างประเทศซึ่งเป็น Blue Ocean ของ JKN ที่ยังมีโอกาสขยายตลาดใหม่ๆ และมีฐานลูกค้าได้เพิ่มเติมอีกด้วย”