หลังจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สั่งดำเนินคดีทางแพ่งนายจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กรรมการผู้จัดการ และกรรมการของบริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) (JKN) และให้ชำระเงินค่าปรับทางแพ่งและชดใช้ค่าใช้จ่ายเนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิด รวมเป็นเงินจำนวน 2,166,840 บาท จากการเผยแพร่ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ซึ่งอาจทำให้เข้าใจผิด และกระทบราคาหุ้นนั้น
จากการค้นหาข้อมูลการซื้อขายหุ้น JKN ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) พบว่า การซื้อขายหุ้นวันที่ 28 พฤษภาคม 2564 ราคาปิดที่ 10.40 บาท ลดลง 0.10 บาท หรือ 0.95% โดยตั้งแต่ต้นปี ถึงวันที่28 พฤษภาคม 2564 ราคาปรับเพิ่มขึ้น 2.70 บาท หรือ 35.06% จากราคาปิดสิ้นปี 2563 อยู่ที่ 7.70 บาทขณะที่ ในช่วงที่มีการโพสต์เฟซบุ๊ค คือวันที่ 8-9 มีนาคม 2564 พบว่า ราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้น 2.20 บาท หรือ23.91% จากราคาปิดวันที่ 5 มีนาคมอยู่ที่ 9.20 บาท และราคาปิดวันที่ 9 มีนาคมอยู่ที่ 11.40 บาท นอกจากนี้ ยังพบว่าราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้นสูงสุดที่ 12.70 บาท เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2564
ขณะเดียวกัน ยังพบว่า ราคาได้ปรับเพิ่มขึ้น 2.40 บาท หรือ 30% เมื่อเทียบกับราคาไอพีโอที่ 8.00 บาท ที่เริ่มซื้อขายเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2560 โดยราคาหุ้นเคยปรับขึ้นสูงสุดเมื่อวันที่ 5 มกราคม 2561 อยู่ที่16.27 บาท เพิ่มขึ้น 8.27 บาท หรือ 103.37% เมื่อเทียบกับราคาไอพีโอ และเคยปรับลดลงต่ำสุดเมื่อวันที่13 มีนาคม 2563 อยู่ที่ 2.97 บาท ลดลง 5.03 บาท หรือ 62.87% เมื่อเทียบกับราคาไอพีโอ
ด้านนายจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ JKN ไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว “Anne Jakrajutatip” โดยมีใจความสำคัญ ว่า การไลฟ์สดครั้งนี้ ถือเป็นการให้ข้อมูลความรู้ให้กับนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่จะนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ขอให้เป็นกรณีศึกษาและช่วยให้ตัวเองมีความรู้เพิ่มมากขึ้น พร้อมน้อมรับคำตัดสินจาก ก.ล.ต. ทุกอย่าง และพร้อมจะนำกรณีดังกล่าวไปปรับปรุงตัวเอง ที่ต้องระงับความตื่นเต้นและต้องปฏิบัติตามกฎกติกาอะไรที่ควรพูดอะไรที่ไม่ควรพูด โดยจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก
“สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้เอาข้อมูลมาบอกก่อน แต่จริงๆ แล้วเป็นคนที่คิดไวทำไว เห็นอะไรก็จะทำเลย ไม่ได้ต้องการให้เกิดการเข้าใจผิด แต่เนื่องจากตัวเองเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารในบริษัทจดทะเบียน และเป็นบุคคลสาธารณะ จึงขอน้อมรับคำตัดสินใจครั้งนี้ และขอขอบคุณ ก.ล.ต. ที่สอนให้ตัวเองเก่งขึ้น นำมาพัฒนาตัวเอง”