การเปิดเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยง “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” 7+7 หรือ Island Hopping ไปยังกระบี่ พังงา สมุย ที่เลื่อนจากเดิมที่วางไว้ 1 ส.ค.64 ล่าสุดผ่านความเห็นชอบจากศบค.ชุดเล็กไปแล้ว และจะนำเข้าพิจารณาใน ศบค.ออกไปชุดใหญ่ ในวันที่ 16 ส.ค.นี้เพื่อให้เริ่มขยายพื้นที่รองรับนักท่องเที่ยวไปได้ตั้งแต่วันที่ 23 ส.ค.นี้
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ททท.ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นกระทรวงการต่างประเทศ ภาคเอกชนในพื้นที่ แผน กระจายวัคซีนในบางพื้นที่ เพื่อพร้อมดำเนินการส่งเสริมการท่องเที่ยวในรูปแบบ 7+7
หรือการท่องเที่ยวในรูปแบบ Island Hopping หรือเที่ยวข้ามเกาะ ซึ่งจะนำเสนอให้ศบค.ชุดใหญ่อนุมัติในวันที่ 16 สิงหาคมนี้ เพื่อเปิดรับนักท่องเที่ยวเชื่อมจากภูเก็ตออกไปยังบางพื้นที่ของจ.กระบี่ จ.พังงา รวมถึงเกาะสมุย เกาะเต่า เกาะพะงันได้ตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคมนี้เป็นต้นไป
เส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยง “ภูเก็ต แซนด์บ๊อกซ์” นักท่องเที่ยวจะพักอยู่ในภูเก็ต 7 วัน จากนั้นในอีก 7 วันหลังจะสามารถเดินทางไปพักและท่องเที่ยวได้ในบางพื้นที่ของ 3 จังหวัดได้แก่ 1. เกาะไหง ไร่เลย์ เกาะพีพี จ.กระบี่ 2.เขาหลัก เกาะยาวน้อย เกาะยาวใหญ่ จ.พังงา 3.เกาะสมุย เกาะเต่า เกาะพะงัน จ.สุราษฏร์ธานี ได้โดยไม่ต้องกักตัวหากผลการตรวจไม่พบเชื้อโควิด-19
“ การเปิด7+7 ที่ขยายไปกระบี่และพังงา เชื่อว่าจะทำให้ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้น เพราะการให้อยู่ที่เดียวนาน 14 วันเป็นเรื่องนาน และพฤติกรรมนักท่องเที่ยวก็อยากจะไปเที่ยวเกาะใกล้
อย่างเกาะพีพี และเกาะต่างๆ และเป็นการทดลองนำร่องเปิดการท่องเที่ยวในพื้นที่อื่นภายใต้มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19ควบคู่กันไป”
กรณีที่บางประเทศออกคำแนะนำว่าไทยไม่ปลอดภัยมีความเสี่ยงเรื่องโควิดนั้น เป็นแนะนำนักท่องเที่ยว ไม่ได้ห้ามการเดินทาง และเชื่อว่านักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนแล้ว มีประกันและมีความมั่นใจมาตรการควบคุมการแพร่ระบาด ถ้าจะเที่ยวก็ยังคงเดินทางเข้ามาอยู่
ล่าสุดคาเธ่ย์ แปซิฟิกเพิ่งเปิดเที่ยวบินปฐมฤกษ์เส้นทางฮ่องกง-ภูเก็ต หรือแม้แต่อังกฤษล่าสุดก็ยังคงให้ไทยอยู่ในพื้นที่กลุ่มสีเหลือง เข้าอังกฤษก็ไม่ต้องกักตัว ตลาดนี้ก็ไปได้
นอกจากนี้ททท.สำนักงานลอนดอน ร่วมกับการ์ตา แอร์เวย์ส และ SecretEscape ซึ่งเป็นลักชัวรี ดิจิทัล แพลตฟอร์ม ที่มีฐานสมาชิก 20 ล้านคน เสนอขายภูเก็ต คาดว่าจะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายไม่น้อยกว่า 5.6 ล้านคน ตั้งการขาย 1,200 แพ็กเกจ ซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาช่วงส.ค.-ก.ย.นี้ ทำรายได้100 ล้านบาท จากค่าใช้จ่ายเฉลี่ยคนละ 75,000 บาทต่อทริป นายยุทธศักดิ์ กล่าวทิ้งท้าย
สำหรับแนวทางปฏิบัติ หรือ SOP นักท่องเที่ยวจะต้องขอใบรับรองการเดินทางเข้าประเทศไทย (COE) การเที่ยวในรูปแบบ 7+7 มาตั้งแต่ต้นทาง ต้องระบุชัดเจนว่ากรณีเดินทางไปยังพื้นที่เชื่อมต่อภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์หลังจากอยู่ภูเก็ตครบ 7 วันแล้วในช่วง 7 วันหลัง จะเลือกไปพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งเท่านั้น
โดยเกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ฯต้องเดินทางจากภูเก็ตโดยเครื่องบินไปยังเกาะสมุย เกาะพีพี เกาะไหง หรือไร่เล จ.กระบี่ เดินทางด้วยเรือ SHA+ จากท่าเรืออ่าวปอหรือท่าเรือรัษฎา เส้นทางเขาหลัก จ.พังงา เดินทางโดยรถ SHA+ จากภูเก็ตไปยังโรงแรมพังงา เกาะยาวน้อย
หรือเกาะยาวใหญ่ จ.พังงา เดินทางโดยเรือ SHA+ จากท่าเรืออ่าวปอ ท่าเรืออ่าวปอแกรนด์ มารีน่า และท่าเรือบางโรง ไปยังเกาะยาวใหญ่ (ท่าเรือช่องหลาดและบ้านแหลมใหญ่) และเกาะยาวน้อย (ท่าเรือมาเนาะ)
นักท่องเที่ยวต้องพำนักในพื้นที่เชื่อมโยงดังกล่าวอย่างน้อย 7 คืนและต้องตรวจRT-PCR ครั้งที่ 3 ในพื้นที่ ในวันที่ 12-13 ซึ่งเป็นการตรวจครั้งที่ 3 จากก่อนเดินทางเข้ามาต้องตรวจเชื้อครั้งที่ 2 ในวันที่ 6-7 และครั้งที่ 1 ในวันแรกที่เข้ามาภูเก็ต รวม 14 วันที่อยู่ในภูเก็ตและพื้นที่เชื่อมโยงภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ นักท่องเที่ยวจะต้องตรวจเชื้อทั้งหมดรวม 3 ครั้ง
ข่าวหน้า 1 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ3,704 วันที่ 12-14 สิงหาคม 2564