วันที่ 28 ส.ค.64 รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย หรือ กพท. เตรียมออกประกาศอนุญาตให้สายการบินทำการบินในประเทศรับส่งผู้โดยสาร เข้าหรือออกในพื้นที่สีแดงเข้ม ได้ตั้งแต่วันที่1ก.ย.นี้เป็นต้นไป
หลังจากเมื่อวันที่ 27 ส.ค.64 ที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) ชุดใหญ่ มีมติเห็นชอบให้คลายล็อกดาวน์พื้นที่ควบคุมสูงสุด 29 จังหวัด โดยให้สามารถเดินทางข้ามจังหวัดได้
แต่ทั้งนี้ผู้โดยสารจะต้องปฏิบัติตามมาตรการการควบคุมโรคของจังหวัดจุดหมายปลายทาง ที่ต้องการเดินทางไปอย่างเคร่งครัด ดังนี้
1.พิษณุโลก และ ชุมพร ต้องดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นติดตามตัว และต้องทำการกักตัวที่ปลายทาง เป็นเวลา 14 วัน ทุกกรณี
2.ภูเก็ต และกระบี่ ต้องดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นติดตามตัว และต้องแสดงใบรับรอบการปลอดเชื้อโควิด- 19 ในรูปแบบของ RT-PCR หรือ ATK ที่ตรวจคัดกรองโดยแพทย์เท่านั้น และใบรับรองการฉีดวัคซีน ครบ 2 เข็ม หรือ เคยติดเชื้อไม่เกิน 90 วัน
3.หัวหิน และ ตรัง ต้องดาวน์โหลดแอพลิเคชั่นติดตามตัว และแสดงใบรับรองการฉีดวัคซีน ครบ 2 เข็ม หรือ เคยติดเชื้อไม่เกิน 90 วัน
4.แพร่ น่าน สกลนคร อุดรธานี เชียงใหม่ และบุรีรัมย์ โหลดแอพพิเคชั่นติดตามตัว และแสดงใบรับรองฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม และอาจจะมีการถูกตรวจการติดเชื้อที่ปลายทาง
5.ขอนแก่น อุบลราชธานี และลำปาง โหลดแอพพิเคชั่นติดตามตัว แสดงใบรับรองฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม และแสดงใบรับรอบการปลอดเชื้อโควิด-19 จากการตรวจแบบ RT-PCR
6.เชียงราย หาดใหญ่ นครพนม และนครศรีธรรมราช โหลดแอพพลิเคชั่นติดตามตัว แสดงใบรับรองฉีดวัคซีนครบ 2เข็ม และแสดงใบรับรอบการปลอดเชื้อโควิด-19 ในรูปแบบของ RT-PCR หรือ ATK ที่ตรวจคัดกรองโดยแพทย์เท่านั้น
7.ระนอง โหลดแอพพลิเคชั่นติดตามตัว แสดงใบรับรองฉีดวัคซีนครบ 2เข็ม และแสดงใบรับรอบการปลอดเชื้อโควิด- 19 ในรูปแบบของ RT-PCR หรือ ATK ที่ตรวจคัดกรองโดยแพทย์เท่านั้น
8.สุราษฎร์ธานี โหลดแอพพลิเคชั่นติดตามตัว
9.กรุงเทพ(ดอนเมือง สุวรรณภูมิ) เลย นราธิวาส และสนามอู่ตะเภา ไม่มีมาตรการคัดกรอง
นอกจากนี้ ศบค.ยังผ่อนปรนให้สายการบินมีการปรับเพิ่มอัตราการบรรทุกผู้โดยสารต่อเที่ยวบินจาก 50% เป็น70% เพื่อลดภาระต้นทุนตั๋วโดยสารมีราคาแพง ส่วนบริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องยังคงงดให้บริการ