สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฯชงรัฐผ่อนคลายมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวQ4
สทท.เสนอรัฐคลายมาตรการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ปรับวิธีตรวจเชื้อโควิด ทั้งขอให้การออก COE เข้าไทยเพิ่มเงื่อนไขให้จองผ่านบริษัทนำเที่ยวได้ ดันอันดามันแซนด์บ็อกซ์ เดินหน้าเราเที่ยวด้วยกันเฟส3-ทัวร์เที่ยวไทย ปั้มพ์เที่ยวในประเทศ กระตุ้นท่องเที่ยวไตรมาส4
นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า สทท.ได้เสนอข้อเรียกร้องของผู้ประกอบการท่องเที่ยวต่างๆ ผ่านการประชุมร่วมกับนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อขอให้รัฐบาลกระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ทั้งตลาดต่างชาติและการท่องเที่ยวในประเทศ
การกระตุ้น “ต่างชาติเที่ยวไทย” เสนอขอให้ปรับวิธีการตรวจเชื้อโควิดของนักท่องเที่ยวต่างชาติในพื้นที่แซนด์บ็อกซ์ โดยขอให้ตรวจ RT-PCR Test เพียงครั้งเดียวในครั้ง 1 ส่วนการตรวจหาเชื้ออีก 2 ครั้งขอให้ใช้ชุดตรวจ ATK ในครั้งที่ 2 และ 3 เพื่อลดค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว และขอให้คิดราคาเดียวทั่วไทย ทั้งการเปิดรับนักท่องเที่ยวในพื้นที่แซนด์บ็อกซ์ ควรจะใช้ชื่อเดียวกัน และแนวทางปฏิบัติหรือ SOP ที่เหมือนกันในทุกพื้นที่จะเปิด เพื่อไม่ให้นักท่องเที่ยวสับสน รวมถึงควรทำ 7+7 ข้ามภาค (ใช้ภูเก็ตเป็นฮับ) จัดโปรโมชั่น บริษัททัวร์+สายการบิน เช่น สมุย-เชียงใหม่, ภูเก็ต-เชียงใหม่, ภูเก็ต-อู่ตะเภา เป็นต้น รวมถึงเสนอให้ลดวันกักตัว จาก 14 วัน เหลือ 7 วัน
ทั้งขอให้การขอใบรับรองการเดินทางเข้าไทยหรือ COE ของนักท่องเที่ยว ที่ปัจจุบันต้องจองโรงแรมก่อนเท่านั้น เพิ่มเติมว่าจองผ่านบริษัทนำเที่ยวได้ด้วย รวมทั้งเสนอให้ทำอันดามันแซนด์บ็อกซ์ ในกระบี่ พังงา ภูเก็ต เพราะปัญหาคือเมื่อไกด์หรือพนักงานเรือนำนักท่องเที่ยวจากภูเก็ตไปออกไปเที่ยววันเดย์ทริปไปยังเกาะที่เปิดให้เที่ยวได้ในกระบี่หรือพังงา พนักงานกลับมาต้องตรวจ ATK หรือพาเข้าไปก็ต้องตรวจ ATK ซึ่งแต่ละจังหวัดมีมาตรการคัดกรองคนเข้า-ออกต่างกัน จึงอยากให้ใช้มาตรการเดียวกัน และรัฐบาลควรต่อมาตรการวีซ่า STV สำหรับกลุ่มยอร์ช ที่จะหมดอายุในสิ้นเดือนกันยายนนี้
การกระตุ้น “ไทยเที่ยวไทย” เสนอว่าควรใช้มาตรการวัคซีนครบโดส หรือ ATK Test สำหรับนักท่องเที่ยวไทยให้เกิดความเชื่อมั่นในการท่องเที่ยว และขอให้รัฐสนับสนุน ATK จำนวน 3 ล้านชิ้น กระตุ้นการท่องเที่ยวปลอดภัย และเดินหน้าโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 3 และทัวร์เที่ยวไทย ซึ่งรวมกันแล้วจะกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศรวมกว่า 3 ล้านสิทธิ์ในเดือนต.ค.นี้
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่าครม.เห็นชอบให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ปรับปรุงรายละเอียด “เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3” และ “ทัวร์เที่ยวไทย” โดยเปลี่ยนแปลงระยะเวลาสิ้นสุดของทั้ง 2 โครงการ เป็นวันที่ 28 ก.พ.65 และกำหนดให้ประชาชนใช้สิทธิ์ได้ไม่เกินวันที่ 31 ม.ค.65
“เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3” เตรียมเปิดลงทะเบียนสำหรับผู้ประกอบการสมัครเข้าร่วมโครงการตั้งแต่วันที่ 24 ก.ย.- ต.ค.64 คาดว่าจะเริ่มให้ประชาชนใช้สิทธิท่องเที่ยวในเดือนต.ค.นี้ ซึ่งรัฐสนับสนุนค่าโรงแรม 40% (ไม่เกิน 3,000 บาท/ ห้อง/คืน) คูปองอาหาร 600 บาทต่อคืน และค่าตั๋วเครื่องบิน 40% (ไม่เกิน 2,000 บาท)
“ทัวร์เที่ยวไทย” ปรับ 2 หลักเกณฑ์ 1. เปลี่ยนแปลงการเดินทางท่องเที่ยวข้ามจังหวัด ให้เดินทางได้ทุกวัน จากเดิมเดินทางได้เฉพาะวันอาทิตย์ - พฤหัสบดี 2. เพิ่มรายการนำเที่ยว เป็น 30 รายการต่อบริษัท จากเดิม 15 รายการต่อบริษัท ซึ่งรัฐสมทบเงินให้ 40% ของราคาแพ็กเกจท่องเที่ยว หรือไม่เกิน 5,000 บาทต่อคน
นายเรวัต อ๋องเจริญ หุ้นส่วนและผู้จัดการมันยาเล เกาะไหง กระบี่ กล่าวว่าแม้จะเปิดให้นักท่องเที่ยวเชื่อมจากภูเก็ตมายังเกาะพีพี เกาะไหงได้ แต่ก็ยังไม่มีใครมาถึงเกาะไหง เพราะอยู่ไกล ไม่มีเรือประจำทาง ต้องจ้างสปีดโบ้ทไปครั้งละ 20,000-30,000 บาท จึงอยากให้ปรับข้อกำหนด 7+7 Extension โดยเปิดให้เกาะลันตาหรือพื้นที่บางส่วนรับนักท่องเที่ยวได้ เพื่อเป็นฮับเปิดเส้นทางเดินเรือให้ครบวงรอบ คือ ภูเก็ต-พีพี พีพี-ลันตา และลันตา-เกาะไหง หรืออาจต่อถึงเกาะกระดาน(ตรัง) หรือหลีเป๊ะ(สตูล) ที่เคยให้บริการอยู่เดิมก่อนโควิด
ข่าวหน้า1 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่3,716 วันที่ 23-35 กันยายน พ.ศ.2564