ดร.ชุมพล มุสิกานนท์ รองผู้อำนวยการ องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรือ อพท. เปิดเผยว่า เพื่อตอบสนองนโยบายรัฐบาล ภายใต้แผนยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศไทยด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG Economy หรือ Bio-Circular-Green Economy พ.ศ. 2564 –2570 โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งเป็นหนึ่งในหน่วยงานที่รับนโยบาย BCG มากำหนดเป็นนโยบายการดำเนินงานของกระทรวงและหน่วยงานที่กำกับดูแล และสำหรับ อพท. ได้มอบนโยบายให้นำ BCG มาปรับใช้ในการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในพื้นที่รับผิดชอบ จึงได้มีการจัดกิจกรรมประชุมผู้เชี่ยวชาญ (Expert Meeting ) ภายใต้หัวข้อ เศรษฐกิจหมุนเวียน Circular Economy กับการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ เพื่อให้ความรู้หลักการของ BCG Model และ Circular Economy ในภาคการท่องเที่ยวแก่บุคลากร อพท. ตลอดจนภาคีเครือข่ายร่วมพัฒนาของ อพท. จะได้นำไปใช้เป็นแนวทางการพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน โดยจะเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงานระหว่าง อพท. กับภาคีเครือข่าย ตลอดจนผู้ที่เกี่ยวข้องต่างๆในห่วงโซ่อุปทาน และยังเป็นการสนับสนุนเป้าหมายของการสร้างรายได้ในระดับสูงด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ (SDGs) ของรัฐบาล
“การจัดกิจกรรมดังกล่าว อพท.มุ่งหวังสร้างความเข้าใจหลักการพื้นฐานเกี่ยวกับ BCG Economy หรือเศรษฐกิจหมุนเวียนในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว รวมถึงความเข้าใจเกี่ยวกับความสัมพันธ์กับการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เป็นการสร้างสมดุลระหว่างเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม เกิดการการส่งเสริมให้ภาคการท่องเที่ยวในพื้นที่หรือแหล่งท่องเที่ยว มีการบริหารจัดการขยะภายใต้หลักการ Circular Economy และเกิดข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะในการนำ Circular Economy มาปรับใช้ในการพัฒนาการท่องเที่ยอย่างยั่งยืนในแหล่งท่องเที่ยว”
นายกฤษณ์ ภูมิสุวรรณ รองผู้จัดการสำนักงานพื้นที่พิเศษ 3 เมืองพัฒนาและพื้นที่เชื่อมโยงฝั่งทะเลตะวันออก ครอบคลุมพื้นที่ดำเนินงาน 4 จังหวัด ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด กล่าวว่า จากโมเดลเศรษฐกิจ BCG Model และการส่งเสริม Circular Economy ในภาคการท่องเที่ยว อพท. ได้นำไปปรับใช้ในพื้นที่ต้นแบบ เกาะหมาก จังหวัดตราด ภายใต้แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาพื้นที่พิเศษหมู่เกาะช้างและพื้นที่เชื่อมโยงระยะ 5 ปี (พ.ศ.2565-พ.ศ.2570) ด้วยแผนงานพัฒนากิจกรรมทางการท่องเที่ยว ส่งเสริมให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการและชุมชน ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อจะยกระดับเกาะหมากให้เป็นพื้นที่ที่มีมาตรฐานทางการท่องเที่ยวด้านสิ่งแวดล้อมในระดับนานาชาติ
โดยมีเกณฑ์การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนโลก หรือ GSTC เป็นกรอบดำเนินงาน มีเป้าหมายระยะสั้นพัฒนาเกาะหมากให้เป็นพื้นที่ต้นแบบการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมในระดับนานาชาติติดในรายชื่อ 100 แหล่งท่องเที่ยวยั่งยืนโลก หรือ Sustainable Destinations TOP 100 จัดโดยหน่วยงานระดับโลก Green Destinations Foundation และ ITB Berlin องค์กรท่องเที่ยวระดับโลก
สำหรับเป้าหมายระยะยาวภายในปี 2570 อพท.จะยกระดับเกาะหมากให้เป็นพื้นที่ศึกษาวิจัยและพัฒนาเครื่องมือด้านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน โดยผลักดันให้เกาะหมากได้รับมาตรฐานการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนโดยองค์กรรับรองมาตรฐานแหล่งท่องเที่ยวระดับโลกของ GREEN DESTINATION เป็นแห่งแรกของประเทศไทย นำสู่การขยายผลในเชิงขององค์ความรู้สู่แหล่งท่องเที่ยวในลักษณะเดียวกัน และยังเป็นแหล่งศึกษาวิจัยด้านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนให้แก่สถาบันการศึกษา รวมถึงหน่วยงานภาครัฐและเอกชนจากทั่วประเทศ ที่มีความสนใจและต้องการจะลงมาศึกษาเรียนรู้
รวมไปถึงการทดลอง ศึกษาวิจัย และการพัฒนาเครื่องมือด้านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน โดยเกาะหมากจะต้องเป็นพื้นที่ต้นแบบของการลดผลกระทบทางลบที่เกิดขึ้นจากการท่องเที่ยวให้มากที่สุด โดยเฉพาะผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อม เช่น การลดปริมาณขยะที่จะเข้าสู่การฝังกลบหรือเผาทำลาย ผ่านกระบวนการตามหลักการ Circular Economy โดยพยายามบริหารจัดการให้มีการนำขยะกลับมาใช้ประโยชน์ให้มากที่สุด
“อพท. มองศักยภาพของเกาะหมากว่า เหมาะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่จะสามารถผลักดันให้สู่ความเป็นแซนด์บล็อกซ์ (Sand Box) ในภาคตะวันออก เพราะเกาะหมากมีความซับซ้อนค่อนข้างน้อย มีพื้นที่ไม่ใหญ่มาก มีความร่วมมือจากผู้คนในท้องถิ่น นอกจากนั้น ผู้ประกอบการ ชุมชน หน่วยงานองค์กร ที่เกาะแห่งนี้ต่างมีความรู้ความเข้าใจเรื่องการบริหารจัดการมากเพียงพอ ซึ่งถือเป็นจุดแข็งของเกาะหมากที่จะพัฒนาสู่ความเป็นแหล่งท่องเที่ยวต้นแบบต่อไป”
ศ.ดร.วิสาขา ภู่จินดา คณบดีคณะบริหารการพัฒนาสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือ NIDA และผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปเนต มโนมัยวิบูลย์ หัวหน้าศูนย์วิจัยระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนเพื่อประเทศไทยปลอดขยะ (CEWT) สำนักวิชาวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง กล่าวว่า BCG Economy จะนำไปสู่การกำหนดแนวปฏิบัติใหม่ของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ซึ่งถือเป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ที่ต้องการสร้างรายได้และกระจายรายได้จากการท่องเที่ยว ควบคู่ไปกับการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น การจัดซื้อจัดจ้างสีเขียว การใช้ผลิตภัณฑ์หรือบรรจุภัณฑ์ ที่สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำ หรือนำกลับมาเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล (Re-Cycle) รวมถึงการนำขยะไปผลิตพลังงานทดแทน (Waste to Energy) ควบคู่ไปกับการส่งเสริมชุมชนให้เกิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากขยะหรือที่เรียกว่า Re-Cycling เพื่อเป็นกิจกรรมหนึ่งที่สามารถเข้ามาช่วยกระจายรายได้เข้าสู่ชุมชนได้มากยิ่งขึ้น เกิดการยกระดับการบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยวให้เกิดความยั่งยืน ตามหลักการทำน้อยแต่ได้มาก
อย่างไรก็ตาม กิจกรรมดังกล่าวส่งผลให้ภาคีเครือข่าย อพท. เกิดความเข้าใจเกี่ยวกับหลักการพื้นฐานของ Circular Economy และความสัมพันธ์กับการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นการสร้างสมดุลระหว่างเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม ความเข้าใจเกี่ยวกับการส่งเสริมให้ภาคการท่องเที่ยวในพื้นที่ แหล่งท่องเที่ยว ในการบริหารจัดการขยะภายใต้หลักการ Circular Economy ซึ่งภาคีได้มีข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะการนำ Circular Economy และนำมาปรับใช้ในการพัฒนาการท่องเที่ยอย่างยั่งยืนในแหล่งท่องเที่ยวต่อไป