นายกรกฎ ชาตะสิงห์ ผู้อำนวยการฝ่ายขาย บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่ภาครัฐมีนโยบายเปิดประเทศ 1 พ.ย.นี้ สิ่งที่การบินไทยมีความกังวลและอยากให้รัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือ มี 2 ประเด็น คือ
1.ประเด็นสิทธิการบินของการบินไทย ซึ่งจากเดิมก่อนสถานการณ์โควิด-19 หากสายการบินใดมีสิทธิทางการบิน แต่ไม่สามารถทำการบินตามสิทธิที่มีอยู่ หรือดำเนินการได้ไม่ถึง 80% จะต้องถูกดึงสิทธิทางการบินคืน แต่เมื่อเกิดโควิด สถานีปลายทางทั่วโลก รวมทั้งไทยได้ทำการ Waive Slots คือ ยกเว้นการใช้สิทธิโดยไม่จำเป็นต้องทำการบินถึง 80% ทำให้ยังสามารถรักษาเที่ยวบินที่เคยมีอยู่ในปี 62 มาจนถึงฤดูหนาว 64/65 ได้
แต่เมื่อมีนโยบายการเปิดประเทศของรัฐบาลไทย และทั่วโลก รวมทั้ง มีแนวโน้มให้ผู้โดยสารที่ฉีดวัคซีนครบ และมีผลตรวจ ATK เดินทางได้โดยไม่กักตัว ทำให้คาดว่าจะไม่มีการ Waive slots ให้อีกตั้งแต่ฤดูร้อนปี 65ประกอบกับการบินไทยอยู่ในช่วงฟื้นฟูกิจการ ศักยภาพการแข่งขัน รวมถึงอากาศยานที่มีอยู่ของการบินไทยก็มีจำกัด เมื่อจะเปิดทำการบินจะต้องเลือกเส้นทางที่จำเป็นและทำกำไรในการทำการบินก่อน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการรักษาเวลาเข้า-ออกเที่ยวบินของการบินไทยโดยตรง
นอกจากนั้นหลังโควิดปริมาณผู้โดยสารอาจยังไม่ได้เพิ่มขึ้นทันที ซึ่งกรณีเหล่านี้ อาจทำให้สิทธิทางการบินกว่า 50-70% ของเวลาเข้า-ออกเที่ยวบินที่มีอยู่ของการบินไทยถูกตัดได้ ดังนั้นระหว่างที่ธุรกิจการบินกำลังฟื้นตัว ทางการบินไทยจำเป็นต้องอาศัยความช่วยเหลือจากทางภาครัฐ โดยขอให้กระทรวงคมนาคมช่วยเหลือผ่อนปรนให้การบินไทยในช่วงที่มีการเปิดประเทศและธุรกิจการบินกลับมาเริ่มทำการบิน โดยคงสิทธิของเวลาเที่ยวบินทั้งหมดของการบินไทย และสายการบินไทยสมายล์ ใน 3 ระยะ ได้แก่
2.ขอให้รัฐบาลพิจารณาเลื่อนการบังคับใช้จัดเก็บค่าธรรมเนียมนักท่องเที่ยวต่างชาติ Tourist Inbound Tax ที่จะให้สายการบินทุกสายที่นำนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามายังประเทศไทยเป็นผู้จัดเก็บให้ออกไปก่อน จากเดิมกำหนดให้จัดเก็บในช่วงไตรมาส 1 ของปี 65 จนกว่าสถานการณ์การท่องเที่ยวส่งสัญญาณฟื้นตัวในปี 66