ครม.ไฟเขียวสมาชิกอีลิทการ์ดลงทุนในไทยได้Work Permit กระตุ้นลงทุน3แสนล้าน

19 ต.ค. 2564 | 09:26 น.
อัปเดตล่าสุด :19 ต.ค. 2564 | 16:36 น.

ครม. ไฟเขียว Elite Flexible Plus Program ดึงสมาชิกอีลิทการ์ดลงทุนในไทยไม่ต่ำกว่า 1 ล้านเหรียญยูเอส ได้Work Permit ทำงานในไทย ททท.มั่นใจดึงกลุ่มประชากรที่มีความมั่งคั่งสูงกว่า 1 หมื่นรายเข้าร่วมโครงการ เกิดเงินหมุนเวียนภายในประเทศจากการลงทุนกว่า 3 แสนล้านบาท

วันนี้ (วันที่ 19 ตุลาคม 2564) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าในการ ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ได้อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวซึ่งได้รับบัตรสมาชิกพิเศษ (Thailand Privilege Card) หรือ อีลิทการ์ด อยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ เพื่อการทำงาน และร่างหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการอนุญาตให้คนต่างด้าวซึ่งได้รับบัตรสมาชิกพิเศษ อยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษเพื่อทำงาน รวม 2 ฉบับ ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการอนุญาตให้คนต่างด้าวซึ่งได้รับบัตรสมาชิกพิเศษ อยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ เพื่อการทำงาน รวมทั้งการกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการลงทุน เพื่อเข้าร่วมโครงการ Elite Flexible Plus Program

สำหรับรูปแบบโครงการ Flexible Plus Program ผู้เข้าร่วมโครงการจะต้องลงทุนในประเทศไทยตามประเภทของการลงทุนที่กำหนด ในมูลค่าการลงทุนไม่ต่ำกว่า 1 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ ภายในกำหนดระยะเวลา 1 ปี นับจากเข้าร่วมโครงการและให้ผู้เข้าร่วมโครงการ สามารถขอรับใบอนุญาตทำงาน(Work Permit) ในราชอาณาจักรได้ เพื่อให้สามารถรองรับกลุ่มนักลงทุนชาวต่างชาติที่มีคุณภาพและกำลังซื้อสูง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มธุรกิจ และภาคอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง

 

โดยคนต่างด้าวที่ได้รับบัตรสมาชิกพิเศษ(Thailand Privilege Card) รวมถึงคู่สมรสและบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายซึ่งมีอายุไม่เกิน 20 ปี สามารถขอเปลี่ยนประเภทการตรวจลงตรา เป็นประเภทคนอยู่ชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษเพื่อการทำงาน(Non-Immigrant Visa) มีระยะเวลาคราวละ 5 ปี ตลอดระยะเวลาการลงทุนในโครงการ Flexible Plus Program

สำหรับการลงทุนของคนต่างด้าวที่จะได้รับสิทธิดังกล่าวจะลงทุนได้ใน 3 ประเภท คือ 1.ลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ตามสิทธิของชาวต่างชาติที่พึงได้รับ 2. ลงทุนในบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัด และ3.ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ เช่น หุ้นสามัญ หุ้นกู้ หรือหน่วยลงทุนที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ โดยมีมูลค่าการลงทุนรวมกันไม่ต่ำกว่า 1 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ

 

ทั้งนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ประเมินว่าการให้สิทธิประโยชน์ตามโครงการนี้สอดคล้องกับแผนการดึงดูดกลุ่มประชากรที่มีความมั่งคั่งสูงซึ่งคาดว่าจะมีผู้สนใจเข้าร่วมโครงการ Flexible Plus Program จำนวน 10,000 ราย จะทำให้มีเงินหมุนเวียนภายในประเทศจากการลงทุนประมาณ 300,000 ล้านบาท