ทศวรรษใหม่ "อิเกีย" เดินหน้า Circular Economy

28 ต.ค. 2564 | 10:18 น.
อัปเดตล่าสุด :28 ต.ค. 2564 | 18:13 น.

อิเกีย ฉลองครบรอบ10 ปี พร้อมก้าวสู่ทศวรรษใหม่ปักธง Circular Economy เจาะกลุ่มลูกค้า B2B ผ่าน IKEA For Business ตั้งเป้ายอดขายเพิ่มขึ้นปีละ 5% เชื่อหลังเปิดประเทศยอดขายพลิกกลับมาใกล้เคียงก่อนโควิดภายในปีหน้า

 

เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้บริโภคชาวไทย สำหรับอิเกียซึ่งเปิดให้บริการครั้งแรกในไทยเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2554 ที่ศูนย์การค้าเมกาบางนา ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท อิคาโน่ รีเทล ซึ่งเป็นประเทศที่ 3 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ต่อจากประเทศสิงคโปร์ และมาเลเซีย ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา อิเกีย ได้รับการตอบรับจากชาวไทยเป็นอย่างดี ปัจจุบันมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการที่สโตร์เฉลี่ย 13,000 ราย/วัน ในวันธรรมดา และเฉลี่ย 33,000 ราย/วัน ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ มีผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์อิเกียเฉลี่ย 80,000 ราย/วัน และมีจำนวนสมาชิก IKEA Family มากกว่า 800,000 ราย



ล่าสุดได้ฉลองครบรอบ 10ปีในประเทศไทย พร้อมประกาศ 5 กลยุทธ์หลักสำหรับการก้าวสู่ทศวรรษใหม่ ได้แก่ การออกแบบที่ใส่ใจทุกแง่มุม (Democratic Design) สินค้าราคาลดลงกว่าเดิม (Even Lower Price: ELP) ความยั่งยืน กลยุทธ์การตลาดระดับโลกที่เข้าใจความต้องการท้องถิ่น และการเจาะกลุ่มลูกค้า B2B ผ่าน IKEA For Business เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในประเทศไทย โดยตั้งเป้ายอดขายเพิ่มขึ้นปีละ 5%

 

 

นายทอม ซูเทอร์ ผู้จัดการสโตร์ อิเกีย บางใหญ่ กล่าวว่า  วิสัยทัศน์ในการทำธุรกิจของอิเกียที่ทุกแฟรนไชส์ และทุกสโตร์ทั่วโลกยึดมั่นร่วมกัน คือ สรรค์สร้างชีวิตที่ดีกว่าให้กับคนทั่วไปในทุก ๆ วัน ซึ่งรวมถึงลูกค้า เพื่อนร่วมงาน และซัพพลายเออร์สำหรับประเทศไทย อิเกียได้นำแรงบันดาลและรูปแบบการทำธุรกิจสไตล์สวีเดน เข้ามาปรับใช้ร่วมกับการทำความเข้าใจถึงรูปแบบการใช้ชีวิตของผู้คนในประเทศไทย เพื่อให้อิเกียสามารถตอบโจทย์ความต้องการของคนไทยได้ดียิ่งขึ้น ในขณะเดียวกันก็นำความรู้ และแนวคิดสากลเข้ามาช่วยยกระดับการใช้ชีวิตในบ้าน รวมถึงการเริ่มต้นธุรกิจสำหรับลูกค้า B2B ให้สะดวกสบายยิ่งขึ้น 

ทศวรรษใหม่ \"อิเกีย\" เดินหน้า Circular Economy

สำหรับในทศวรรษต่อๆ ไป อิเกีย ประเทศไทย จะเดินหน้าขยายฐานลูกค้า พัฒนาบริการรูปแบบใหม่ๆ สร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ดียิ่งขึ้นทั้งที่สโตร์และออนไลน์ ขยายการรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness) ในวงกว้างมากขึ้น รวมถึงรักษาความเป็นแบรนด์ในดวงใจที่ทุกคนนึกถึงในเรื่องของการสร้างแรงบันดาลใจในการแต่งบ้าน การนำเสนอเฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้านที่มีคุณภาพในราคาย่อมเยา และการมีส่วนร่วมในการสร้างความยั่งยืนและโลกที่ดียิ่งขึ้นเพื่อคนรุ่นใหม่ในอนาคต

 

นายทอม ซูเทอร์ ผู้จัดการสโตร์ อิเกีย บางใหญ่ กล่าวว่า  วิสัยทัศน์ในการทำธุรกิจของอิเกียที่ทุกแฟรนไชส์ และทุกสโตร์ทั่วโลกยึดมั่นร่วมกัน คือ สรรค์สร้างชีวิตที่ดีกว่าให้กับคนทั่วไปในทุก ๆ วัน ซึ่งรวมถึงลูกค้า เพื่อนร่วมงาน และซัพพลายเออร์สำหรับประเทศไทย อิเกียได้นำแรงบันดาลและรูปแบบการทำธุรกิจสไตล์สวีเดน เข้ามาปรับใช้ร่วมกับการทำความเข้าใจถึงรูปแบบการใช้ชีวิตของผู้คนในประเทศไทย เพื่อให้อิเกียสามารถตอบโจทย์ความต้องการของคนไทยได้ดียิ่งขึ้น ในขณะเดียวกันก็นำความรู้ และแนวคิดสากลเข้ามาช่วยยกระดับการใช้ชีวิตในบ้าน รวมถึงการเริ่มต้นธุรกิจสำหรับลูกค้า B2B ให้สะดวกสบายยิ่งขึ้น 

 

สำหรับในทศวรรษต่อๆ ไป อิเกีย ประเทศไทย จะเดินหน้าขยายฐานลูกค้า พัฒนาบริการรูปแบบใหม่ๆ สร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ดียิ่งขึ้นทั้งที่สโตร์และออนไลน์ ขยายการรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness) ในวงกว้างมากขึ้น รวมถึงรักษาความเป็นแบรนด์ในดวงใจที่ทุกคนนึกถึงในเรื่องของการสร้างแรงบันดาลใจในการแต่งบ้าน การนำเสนอเฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้านที่มีคุณภาพในราคาย่อมเยา และการมีส่วนร่วมในการสร้างความยั่งยืนและโลกที่ดียิ่งขึ้นเพื่อคนรุ่นใหม่ในอนาคต

ทั้งนี้ อิเกีย ได้วางกลยุทธ์สำหรับขับเคลื่อนธุรกิจในทศวรรษใหม่ ดังนี้

1การออกแบบที่ใส่ใจทุกแง่มุม (Democratic Design) เป็นหลักปฏิบัติในการทำงานของอิเกียทั่วโลก ประกอบด้วย 5 แนวคิด 1. รูปทรง (Form) เพื่อโลกที่สวยงามและน่าอยู่ 2. ประโยชน์ใช้สอย (Function) เพื่อชีวิตประจำวันที่สะดวกสบายและเปี่ยมความหมาย 3. คุณภาพ (Quality) เพื่อความคงทนและยิ่งใช้งานยิ่งสวยงาม 4. ความยั่งยืน (Sustainability) รับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม 5. ราคาย่อมเยา (Low Price) เพื่อให้ทุกคนเข้าถึงได้

 

2สินค้าราคาลดลงกว่าเดิม (Even Lower Price: ELP) การลงทุนด้านราคาอย่างต่อเนื่อง ในทุกๆ ปี อิเกียจะคัดสินค้ายอดนิยมมาปรับลดราคาเพื่อให้ทุกคนเข้าถึงได้ง่ายยิ่งขึ้น แต่คุณภาพคงเดิม ด้วยหลักการยิ่งซื้อมากเรายิ่งลดราคาให้มาก โดยในปีงบประมาณ 2565 (กันยายน 2564 - สิงหาคม 2565) อิเกีย ประเทศไทย ลงทุนกว่า 150 ล้านบาทเฉพาะในหมวดของสินค้าราคาลดลงกว่าเดิม เพื่อให้ลูกค้าชาวไทยได้ใช้สินค้าที่ดีในราคาย่อมเยา มีมากกว่า  600 รายการ รวมถึงโซฟา ซึ่งเป็นหนึ่งในสินค้ายอดนิยมของคนไทย

 

3ความยั่งยืน (Sustainability) เป็น DNA ของแบรนด์อิเกีย ที่จะคำนึงถึงความยั่งยืนในทุกๆ กระบวนการ ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบผลิตภัณฑ์ การเลือกใช้วัสดุ การให้บริการและดำเนินงานต่างๆ ในสโตร์ ภายใต้แนวคิด We do our part. You do your part! โดยตลอด 10 ปีที่ผ่านมา อิเกีย ประเทศไทย สามารถประหยัดพลังงานและเงินได้ถึง 34 ล้านบาทจากการติดตั้งโซลาร์เซลล์ และมีอัตราการรีไซเคิลขยะในสโตร์มากกว่า 70%

 

4กลยุทธ์ตลาดระดับโลกที่เข้าใจความต้องการท้องถิ่น (Global marketing locally relevant) อิเกีย ได้ทำเข้าใจความต้องการของลูกค้าชาวไทย และรูปแบบการใช้ชีวิตในบ้าน ผ่านการเยี่ยมชมบ้าน (Home Visit) และจากความคิดเห็นจากลูกค้า เพื่อนำมาปรับแผนการตลาด และการให้บริการต่างๆ โดยผสมผสานความเป็นไทยและสไตล์สวีเดนเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อให้เกิดความรู้สึกร่วมและเข้าถึงลูกค้าชาวไทยมากขึ้น เรียกได้ว่ามีความเรียบง่ายแบบสวีเดนที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนไทย (Swedish in name, Thai at heart)

 

5ขยายฐานลูกค้า B2B ผ่าน IKEA For Business นำเสนอโซลูชั่นครบวงจร รวมถึงบริการให้คำปรึกษา ออกแบบและตกแต่งภายใน สำหรับลูกค้าองค์กรธุรกิจทุกประเภท ทุกขนาด ให้ลูกค้าสามารถเริ่มต้นธุรกิจในฝันได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ภายในงบประมาณที่ตั้งไว้


 

“สำหรับอิเกีย แล้ว โจทย์ของเราคือจะพัฒนารูปแบบธุรกิจของเรายังไงให้มีความสามารถที่จะปรับเปลี่ยนและพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองอยู่เสมอเพื่อตอบโจทย์ตลาดและความต้องการของลูกค้าอย่างทันท่วงทีมากขึ้น

 

10 ปีต่อจากนี้เราอยากเห็นลูกค้าที่รู้จักอิเกีย เพิ่มมากขึ้นและอยากให้ลูกค้าเห็นตัวเองอยู่ในห้องที่มี product อิเกีย ใช้product อิเกียและสิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือเราอยากจะให้พนักงานอีเกียทุกคนมีความรู้สึกว่าเขาก็ได้รับการดูแลที่ดีมีการส่งเสริมให้เจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานและมีชีวิตที่ดี

 

อีกเรื่องที่อิเกียพยายามทำคือลดขยะแม้กระทั่งในขั้นตอนการขนส่งเราก็ประหยัดพื้นที่และทำให้เราจัดส่งสินค้าได้มากขึ้นและประหยัดค่าขนส่งซึ่งก็ส่งผลต่อราคาสินค้าด้วยพาเลทที่เป็นกระดาษจากเดิมที่เป็นพาเลทไม้ที่ทำให้ใช้พื้นที่ค่อนข้างมาก

 

นอกจากนี้ อิเกียมีวิธีการคิดค้นสินค้าที่สร้างสรรค์มากมายจนได้สินค้าที่มีคุณภาพดีในราคาที่ดีได้ แต่หากมองไปในอนาคตเราอยากจะหาโอกาสในCircular Economy  มากขึ้นเพราะว่ามันจะช่วยเราไม่ต้องใช้ทรัพยากรที่มีอยู่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ ฉนั้นเราจะลงลึกกับตลาดนี้มากขึ้น”

ทศวรรษใหม่ \"อิเกีย\" เดินหน้า Circular Economy

ด้านนางสาวอมตบุญ ศาสตรสุข รองผู้จัดการสโตร์ อิเกีย บางนา กล่าวเสริมว่า  ในช่วงของ work from home เรียนออนไลน์หรือในช่วงของล็อกดาวน์ demand ของผู้บริโภคเพิ่มขึ้นเห็นได้ชัดใน 3 ประเภทสินค้าที่ลูกค้าสั่งซื้อมากขึ้น อันดับแรกคือ work space ที่เป็นเฟอร์นิเจอร์สำนักงานในการนั่งทำงาน ถัดมาเป็น cooking and eating เป็นสินค้าตกแต่งอุปกรณ์อุปกรณ์เครื่องครัวชิ้นเล็กๆซึ่งชัดเจนมาก ถัดมาจะเป็นของตกแต่งอุปกรณ์ที่ช่วยในการจัดเก็บของใช้บ้านเป็นระเบียบเรียบร้อยมากขึ้น 

 

และที่สำคัญตอนนี้ยอดขายอีคอมเมิร์ซของอิเกียจากที่เราเปิดมา 3 ปีกว่าจากยอดขาย 2% มาจนถึงตอนนี้อิเกียมียอดขายทางอีคอมเมิร์ซกว่า 20% แล้ว ช่วงล็อคดาวน์เราก็จะมีช่องทางการขายเหลือแค่ช่องทางออนไลน์เท่านั้นเพราะว่าเนื่องจากปกติแล้วยอดขาย 80% จะมาจากทางหน้าร้านซึ่งเราได้รับผลกระทบจากโควิดและล็อกดาวน์

 

แต่หลังจากที่เปิดเมืองมากขึ้นผู้บริโภคจะกลับมาเดินห้างสรรพสินค้าได้สบายใจมากขึ้น เราจะเห็นได้เลยว่าตัวเลขผู้เยี่ยมชมเติบโตกลับมาใกล้เคียงกับช่วงก่อนล็อกดาวน์สำหรับยอดขายก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆซึ่งเราคิดว่าจะถึงแม้ว่าจะมีการเปิดประเทศมากขึ้นแล้วคนอาจจะทำงาน work from home น้อยลง แต่พฤติกรรมผู้บริโภคที่สามารถมาเดินช็อปปิ้งได้มากขึ้นจะยิ่งทำให้ยอดขายของเราเติบโตและกลับมาสู่สถานการณ์ปกติได้ภายในปีหน้า เนื่องจากว่าลูกค้าสามารถเข้ามาชมและสัมผัสสินค้ารวมถึงคุยกับพนักงานของเราเพื่อให้ได้รายละเอียดเพิ่มเติมมากขึ้นด้วย


และในโอกาสครบรอบ10 อิเกียกิจกรรมและโปรโมชั่นสุดพิเศษให้กับลูกค้าชาวไทย รวมทั้งแคมเปญพิเศษจาก IKEA for Business ที่พร้อมเข้ามาช่วยแปลงโฉมพื้นที่ให้กับ 5 ธุรกิจ ลูกค้าธุรกิจสามารถส่งใบสมัครพร้อมบอกเล่าเหตุผลว่าทำไมถึงอยากให้อิเกียช่วยแปลงโฉมพื้นที่ธุรกิจของคุณให้ดีขึ้น อิเกียจะเลือก 5 ธุรกิจ และแปลงโฉมพื้นที่ธุรกิจของคุณให้ดีขึ้นด้วยสินค้าอิเกียมูลค่าสูงสุด 100,000 บาท ต่อธุรกิจ