DITTO ตุนกำไร 9 เดือนแรก 129 ล้าน เล็งต่อยอดธุรกิจ Cyber Security

นายฐกร รัตนกมลพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดิทโต้ (ประเทศไทย) จำกัด มหาชน (DITTO) ผู้ให้บริการออกแบบและพัฒนาระบบบริหารจัดการเอกสารและข้อมูลอย่างครบวงจร (Document and Data Management Solutions) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2564 มีอัตราการเติบโตโดดเด่นสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 

แม้ภาพรวมเศรษฐกิจยังมีความไม่แน่นอนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยกำไรสุทธิอยู่ที่ 49 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 12 ล้านบาทหรือคิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 34% และมีรายได้จากการขายและบริการ337 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 38 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 13%

สำหรับไตรมาส 3/2564 บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรขั้นต้นสูงขึ้นจาก 26% เป็น 28% จากการบริหารต้นทุนในส่วนงานบริหารจัดการระบบงาน (BPO) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และพัฒนาปรับปรุง Software ที่ใช้ในการทำงานอย่างต่อเนื่อง

จึงทำให้บริษัทสามารถรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นสูงใกล้เคียงกับงวดปีก่อน

ส่วนบริษัทย่อยมุ่งเน้น การนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้ในโครงการรับเหมาวิศวกรรมด้านเทคโนโลยี จึงทำให้โครงการของบริษัทย่อยมีความเฉพาะทาง ประกอบกับการบริหารจัดการต้นทุนโครงการได้เป็นอย่างดี จึงทำให้บริษัทย่อยมีกำไรขั้นต้นสูงขึ้น

ส่วนภาพรวม 9 เดือนแรกในปี 2564 มีกำไรสุทธิ 129 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 34 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 36% และมีรายได้จากการขายและบริการ 851 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 93 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 12%

สำหรับการเติบโตในไตรมาส 3  มาจากกลุ่มธุรกิจจำหน่ายและให้บริการระบบบริหารจัดการเอกสารและระบบการรักษาความปลอดภัยทางเทคโนโลยีไซเบอร์ (Cyber Security) มูลค่า 146 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 71 ล้านบาทคิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 95%

ขณะที่งานรับเหมาวิศวกรรมด้านเทคโนโลยีสำหรับหน่วยงานราชการต่าง ๆ ในไตรมาส 3/2564 มีมูลค่า 83 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจากงวดเดียวกันของปีก่อนโดยบริษัทย่อยยังคงมุ่งเน้นการขยายงานโครงการที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ เช่น โครงการท้องฟ้าจำลอง โครงการพิพิธภัณฑ์

ส่วนรายได้จากธุรกิจให้เช่า จำหน่าย และให้บริการด้านเครื่องถ่ายเอกสาร เครื่องพิมพ์ สินค้าเทคโนโลยีอื่น ๆ มีรายได้ลดลงจากผลกระทบของสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ ส่งผลต่อรายได้จากการขายสินค้าและการให้บริการเช่าและบำรุงรักษาเครื่องถ่ายเอกสารซึ่งปรับตัวลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน

ขณะที่ รายได้จากการขายและติดตั้งสินค้า Drive-Thru ยังคงมีอุปสงค์อย่างต่อเนื่องจากการปรับตัวในยุค New Normal ของกลุ่มลูกค้า Food Chain ภาคเอกชน

สำหรับเป้าหมายของบริษัทในปีนี้ ในส่วนของ 3 กลุ่มธุรกิจ ยังเดินหน้าตามแบ็กล็อกที่เข้ามา คาดว่าจะทำให้รายได้โตเกินเป้าที่วางไว้อย่างแน่นอนและจะเน้นขยายผลธุรกิจ Data and Document Solutions ธุรกิจ Cyber Security และ ธุรกิจรับเหมาวิศวกรรมด้านเทคโนโลยีเพราะเป็นธุรกิจที่มีกำไรขั้นต้นสูง