คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดชลบุรี อนุญาตให้"พัทยา"อนุญาตให้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และนั่งดื่มในร้านอาหารถึง 5 ทุ่ม ส่วนสถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ อาบ อบ นวด ยังคงปิดบริการชั่วคราว
คำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดชลบุรี ที่ 144/2564 ลงวันที่ 3 ธันวาคม 2564ให้ดำเนินการในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดชลบุรี (The Blue Zone) ดังนี้
1.ให้อำเภอบางละมุง เมืองพัทยา อำเภอศรีราชา อำเภอเกาะสีชัง และอำเภอสัตหีบ เฉพาะตำบลนาจอมเทียน และตำบลบางเสร่ เป็นพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดชลบุรี
2.ร้านจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่ม รวมถึงภัตตาคาร ร้านอาหาร สวนอาหาร ศูนย์อาหาร โรงอาหาร สตรีทฟู๊ด ร้านอาหารในโรงแรม หรือที่พัก หรือสถานประกอบการอื่นใดที่มีการจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่ม สามารถเปิดให้บริการได้ตามปกติ โดยเปิดอนุญาตให้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านได้ เฉพาะร้านที่ผ่านการตรวจประเมินตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัยในระดับ SHA Plus และปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัยสำหรับองค์กร COVID Free Setting ของกระทรวงสาธารณสุข โดยให้จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ภายในสถานประกอบการดังกล่าวได้เฉพาะในช่วงเวลา 11.00 น.- 14.00 น. และเวลา 17.00 น. - 23.00 น. และปฏิบัติตามที่กฎหมายกำหนด
3.ร้านจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่มที่ผ่านการประเมินตามเกณฑ์ในข้อ 2 ต้องแสดงใบรับรองฯ ในจุดที่มองเห็นได้ชัดเจน
4.สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ กิจการอาบน้ำ กิจการ อาบ อบ นวด หรือสถานที่อื่นในทำนองเดียวกัน ยังคงให้ปิดบริการชั่วคราว
ทั้งนี้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป3 ธ.ค 64
นายภัครธรณ์ เทียนไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ในฐานะประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดชลบุรี ผู้กำกับการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินในเขตพื้นที่จังหวัดชลบุรีได้ออกคำสั่งทันที เรื่องการกำหนดมาตรการควบคุมแบบบูรณาการในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวหรือ "บลูโซน" (Blue Zone) ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี มีสาระสำคัญให้พื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวจังหวัดชลบุรี
ประกอบด้วย อ.บางละมุง เมืองพัทยา อ.เกาะสีชัง และอ.สัตหีบ เฉพาะ ต.นาจอมเทียน และ ต.บางเสร่ ให้บริโภคสุราหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหารที่ได้รับมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัยหรือ SHA Plus ได้ในช่วงเวลา 11.00-14.00 น. และ 17.00-23.00 น. ส่วนสถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ อาบ อบ นวด ยังคงปิดบริการชั่วคราว โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 3 ธ.ค.2564 เป็นต้นไป
ด้านนายธเนศ ศุภรสหัสรังสี รักษาการประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดชลบุรี กล่าวว่า เหตุผลที่ตัวแทนภาคเอกชนท่องเที่ยวที่เกี่ยวข้อง 13 องค์กรต้องรวมตัวกันเพื่อเรียกร้องเรื่องการคลายล็อกอนุญาตให้ร้านอาหารขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และนั่งดื่มในร้านได้ เนื่องจากที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ล่าสุดได้มีมติออกมาให้จังหวัดนำร่องท่องเที่ยว 7 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ กระบี่ กาญจนบุรี นนทบุรี ปทุมธานี พังงา และภูเก็ต สามารถจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และนั่งดื่มภายในร้านหรือโรงแรมได้ รวมถึงพื้นที่บลูโซนที่กำหนดไว้ด้วย โดยทาง ศบค.ได้ให้อำนาจผู้ว่าราชการจังหวัดอนุมัติในการเปิดขายแอลกอฮอล์และนั่งดื่มได้เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว
ก่อนหน้านี้ ทางตัวแทนภาคเอกชนท่องเที่ยวได้หารือร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี และคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดชลบุรี ว่าทำไมถึงยังไม่อนุญาตให้ผู้ประกอบการในพื้นที่บลูโซนของ จ.ชลบุรี ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสามารถนั่งดื่มในร้านอาหารได้ เพราะหากประเมินในแง่ความปลอดภัยแล้ว ขณะนี้พบจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ไม่ถึง 100 คนต่อวันเท่านั้น ขณะที่พื้นที่บลูโซนอื่นๆ มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่า 100 คนต่อวัน อาทิ กรุงเทพฯ มียอดผู้ติดเชื้อ 600-700 คนต่อวัน แต่ทางกรุงเทพมหานคร (กทม.) อนุญาตให้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และนั่งดื่มในร้านได้
ภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจท่องเที่ยว 13 องค์กร จึงร่วมกันทำหนังสือเรียกร้องและแสดงจุดยืน เรื่องการห้ามขายแอลกอฮอล์ในพื้นที่พัทยามูฟออน รวมถึงได้จัดแถลงการณ์ที่บริเวณวอล์คกิ้ง สตรีท พัทยา เมื่อเวลา 15.00 น.ของวานนี้ (3 ธ.ค.)
อีกเหตุผลที่ต้องผลักดันให้สามารถขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และนั่งดื่มในร้านอาหารให้ได้นั้น เนื่องจากการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วงที่ผ่านมา พบว่านักท่องเที่ยวได้เรียกร้องว่าทำไมไม่สามารถดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ รวมถึงมีบางส่วนที่สอบถามเพื่อวางแผนในการเข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่ แต่เมื่อไม่สามารถดื่มแอลกอฮอล์ได้ จึงตัดสินใจไปเที่ยวพื้นที่อื่นแทน