นายพรชัย ปัทมินทร นายกสมาคมการค้าอุตสาหกรรมกัญชงไทย (TIHTA) เผยว่า ในปี 2564 เป็นปีแรกที่ทางสมาคมได้เปิดตัว และขับเคลื่อนอย่างเป็นทางการ ซึ่งคณะที่ปรึกษา อุปนายก คณะกรรมการแต่ละฝ่ายของสมาคม สมาชิก รวมถึงหน่วยงานภาคีได้ร่วมกันทำงานอย่างหนัก เพื่อผลักดันพืชกัญชงสู่อุตสาหกรรม และเพื่อให้เป็นพืชเศรษฐกิจได้อย่างแท้จริง และหนึ่งในภารกิจเป้าหมายของทางสมาคมฯ ในปี 2565 คือการกำหนดแนวทาง และโครงสร้างราคากลางในการซื้อ-ขายกัญชง
โดยคณะกรรมการสมาคมได้ร่วมหารือและมีมติว่าจะมีการเปิดรับฟังความเห็น (Public Hearing) ในกลุ่มผู้เกี่ยวข้อง ทั้งผู้ปลูก ผู้รับซื้อ ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 3 ครั้ง และออกประกาศแนวทางโครงสร้างราคากลางภายในไตรมาสแรกของปี 2565 และดำเนินงานต่อเนื่องเรื่องราคาสารสกัดทุกรูปแบบในไตรมาสที่ 2 ของปี 2565 เพื่อสร้างความเป็นธรรม และความสมดุลในห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมกัญชงให้ดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืน
เกณฑ์ในการตั้งราคากลางผลผลิตกัญชง ประกอบด้วย 3 ส่วนหลักๆ ดังนี้
(1) ปริมาณสารสำคัญในช่อดอก
(2) รูปแบบการปลูกสัมพันธ์กับต้นทุนการผลิต และเกรดการผลิต
และ (3) การปนเปื้อนของวัตถุดิบ เช่นยาฆ่าแมลง โลหะหนัก และเชื้อรา โดยเบื้องต้นสมาคมมีการจัดรวบรวมข้อมูลโครงสร้างราคาเฉลี่ยเป็นดังนี้
ราคาช่อดอกแห้งจากการปลูกระบบปิด (Indoor) ที่ตรงตามเงื่อนไขมาตรฐานการรับซื้อจะเริ่มต้นที่ 24,000 – 32,000 บาท /กิโลกรัม ในระดับสาร CBD 8 – 9.9% ไปจนถึงราคา 45,000 – 90,000 บาท/ กิโลกรัม ในระดับสาร CBD 14% ขึ้นไป
และราคาช่อดอกแห้งจากการปลูกระบบกึ่งปิด (Green House) ที่ตรงตามเงื่อนไขมาตรฐานการรับซื้อจะเริ่มต้นที่ 5,000 – 12,000 บาท /กิโลกรัม ในระดับสาร CBD 5 – 7.9% ไปจนถึงราคา 15,000 – 40,000 บาท/ กิโลกรัม ในระดับสาร CBD 10% ขึ้นไป เป็นต้น
“มาตรฐานการตรวจวัดคุณภาพของวัตถุดิบ สารสำคัญ สารปนเปื้อน ฯลฯ ให้ใช้หลักเกณฑ์และวิธีการตรวจยืนยันที่ ห้องปฏิบัติการตรวจวิเคราะห์ด้วยเครื่องมือที่ใช้หลักการโครมาโตกราฟีแบบของเหลวสมรรถนะสูง (HPLC) หรือสูงกว่า และระบบการตรวจ Lab ที่ได้รับมาตรฐาน ISO17025 เพื่อความแม่นยำ และเป็นกลางสำหรับผู้ซื้อและผู้ขาย
โดยกำหนดการเปิดเวทีรับฟังความเห็นเพื่อกำหนดแนวทางและโครงสร้างราคากลางในการซื้อ-ขายกัญชงจะเริ่มต้นครั้งที่ 1 ในเดือนมกราคม 2565 ครั้งที่ 2 ในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 และครั้งที่ 3 ในเดือนเมษายน 2565 โดยสมาคมจะออกประกาศสู่สาธารณะอีกครั้ง ซึ่งในระหว่างนี้หากมีผู้ประกอบการรายใดมีความประสงค์เข้าร่วมในการกำหนดโครงสร้างราคา สามารถส่งข้อมูล ความเห็น และข้อเสนอแนะมาได้ทุกช่องทางติดต่อของสมาคมฯ”
ภายในที่ประชุมยังได้มีการนำเสนอความเคลื่อนไหวในการดำเนินงานในแต่ละภาคส่วน และนำเสนอการเตรียมความพร้อมการเป็นเจ้าภาพการจัดงานระดับนานาชาติ Thailand International Hemp Forum & Expo 2022 ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2565 ที่ประเทศไทยจะมีโอกาสเป็นเจ้าภาพ และเปิดพื้นที่ให้ผู้ประกอบการไทยได้นำเสนอความก้าวหน้าในอุตสาหกรรมกัญชงของไทย รวมถึงได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับพันธมิตรในอุตสาหกรรมกัญชงกว่า 20 ประเทศทั่วโลกที่ตอบรับการเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ให้กับกลุ่มสมาชิก