นางปวิตา โตทับเที่ยง ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท ผลิตภัณฑ์อาหารกว้างไพศาล จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจาหน่ายผลิตภัณฑ์ ภายใต้แบรนด์ ‘ปุ้มปุ้ย’ เปิดเผยว่า ปีนี้ปุ้มปุ้ย จะกลับมาทำตลาดเชิงรุกโดยนำผลิตภัณฑ์ที่เป็นพระเอก ไม่ว่าจะเป็นปลาปรุงรส หอยลายปรุงรส ปลาราดพริก ฯลฯ กลับมาสร้างการรับรู้ในกลุ่มผู้บริโภคอีกครั้ง โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ เจนเนอเรชั่นวายและเจนซี และคนทำงานที่มีไลฟ์สไตล์ต้องการความสะดวก รวดเร็ว แต่มีคุณค่าทางโภชนาการด้วย
“เพราะต้องการขยายกลุ่มเป้าหมายไปยังเจนวายและเจนซี การทำตลาดจึงต้องเน้นเชิงรุกเพื่อตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเกมเมอร์ หรือกลุ่มคนทำงานที่ต้องการความสะดวกสบาย ก็มีอาหารกระป๋องพร้อมทาน ที่ติดบ้านสามารถหยิบทานได้ทันที”
ปัจจุบันปุ้มปุ้ยมีสินค้ากว่า 50 รายการทั้งในหมวดปลาปรุงรส หอยลายปรุงรส อาหารพร้อมทาน ฯลฯ และในอนาคตมีแผนพัฒนาสินค้าใหม่ออกสู่ตลาดต่อเนื่อง และล่าสุดมีแผนจัดทำชุดตักบาตร “เสริมบุญ” ซึ่งประกอบไปด้วยข้าวกระป๋อง อาหารพร้อมทาน น้ำดื่ม ฯลฯ เพื่อรองรับผู้ที่ต้องการทำบุญแต่จัดเตรียมอาหารไม่ทัน
โดยจะเปิดตัวในเดือนกุมภาพันธ์นี้ พร้อมวางจำหน่ายในราคา 99 บาท ผ่านช่องทางโซเชียลแพลตฟอร์มต่างๆ และหากได้รับการตอบรับจะขยายช่องทางการจำหน่ายไปยังโมเดิร์นเทรด ซึ่งรายได้ส่วนหนึ่งจะนำไปร่วมทำบุญให้กับองค์กรต่างๆ ด้วย
“ความโชคดีของปุ้มปุ้ยคือ เป็นแบรนด์ที่คนไทยคุ้นเคยมายาวนานกว่า 40 ปี ขณะที่โปรดักต์ที่เป็นพระเอก ไม่ว่าจะเป็น ปลากระป๋องปรุงรส ซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 41% และหอยลายกระป๋องปรุงรสมีส่วนแบ่งตลาด 24% ถือเป็นผู้นำตลาดและมีคู่แข่งน้อยราย จึงเป็นโอกาสที่บริษัทจะนำกลับมาทำอีกครั้ง และเชื่อมั่นว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากรสชาติที่อร่อยให้ให้คุณค่าทางโภชนการสูง”
ด้านการลงทุนในปีนี้บริษัทเน้นการลงทุนในทุกภาคส่วนทั้งด้านโรงงานผลิต ที่เตรียมใช้เงินลงทุนราว 20-30 ล้านบาท ในการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต รวมทั้งการลดมลพิษต่างๆ การบำบัดน้ำเสีย การประหยัดพลังงาน เป็นต้น โดยมีเป้าหมายเพื่อให้โรงงานเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและชุมชนแบบครบทุกมิติ นอกจากนี้ยังเพิ่มงบการตลาดมากกว่าทุกปี เพื่อกลับมาทำตลาดเชิงรุกทั้งการจัดโปรโมชั่น ผ่านทางโมเดิร์นเทรดและเทรดดิชั่นนอลเทรดตามแผนงานที่วางไว้
“ความท้าทายของปุ้มปุ้ยคือ การเข้ามาของดิจิทัล (Digital Disruption) ที่เปลี่ยนแปลงทุกอย่าง ทำให้บริษัทต้องปรับแผนตั้งรับ การบริหารจัดการ เพื่อรองรับโลกในอนาคตที่กำลังก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ซึ่งปุ้มปุ้ยเอง จะต้องทำอย่างไรที่จะตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงนั้นให้ทันอย่างรวดเร็วที่สุด
ในปีที่ผ่านมาบริษัทได้รุกขายผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซ และพบว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีมียอดขายเติบโตแบบก้าวกระโดด 70-80% ดังนั้นในปีนี้จะเห็นการลงทุนใหม่ๆ ในช่องทางอีคอมเมิร์ซของปุ้มปุ้ย ที่ขณะนี้เตรียมจัดสรรเงินเข้าไปลงทุน เพื่อรองรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปในอนาคตด้วย”
โดยในปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายที่จะมียอดขายเติบโตขึ้น 10% เช่นเดียวกับปี 2564 ที่มีการเติบโตกว่า 10% ซึ่งได้รับอานิสงส์จากการระบาดของโควิด-19 ทำให้มียอดขายเพิ่มขึ้น จากปี 2563 ซึ่งมียอดขายราว 1,563 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายในประเทศ 70% และต่างประเทศ 30% โดยปัจจุบันมีการส่งออกไปในจีน สปป.ลาว มาเลเซีย รวมถึงสหรัฐอเมริกา ฯลฯ โดยตลาดหลักยังเป็นตลาดในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งในปีนี้มีแผนขยายตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้นรวมทั้งการขยายตัวแทนจำหน่ายในหลายประเทศเพิ่มขึ้นด้วย
นางปวิตา กล่าวอีกว่า ปุ้มปุ้ยมีแผนปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ เพื่อรองรับการเดินหน้าธุรกิจ รวมทั้งมีแผนดึงมืออาชีพเข้ามาเสริมทัพเพื่อรองรับการแข่งขันและการทำตลาดในอนาคตด้วย ซึ่งนอกจากทายาทตระกูลโตทับเที่ยงแล้ว ยังเปิดกว้างในการสรรหามืออาชีพและคนรุ่นใหม่เข้ามาสร้างให้องค์การเติบโตอย่างยั่งยืนด้วย
หน้า 16 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 41 ฉบับที่ 3,749 วันที่ 16 - 19 มกราคม พ.ศ. 2565