ในการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.)วันที่ 20 มกราคม 2565 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เตรียมจะเสนอขอให้ศบค.พิจารณายกเลิกการระงับการลงทะเบียนเข้าไทยชั่วคราวสำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าไทยในแบบ Test & Go
โดยหลังจากการหารือร่วมกันกับกระทรวงสาธารณสุขพบว่ามีโอกาสที่ไทยจะกลับมาเปิดรับ Test & Go อีกครั้ง แต่ทางฝั่งคณะแพทย์อยู่ระหว่างหารือว่าจะมีการกำหนดให้การเดินทางจาก 63 ประเทศ/พื้นที่เข้าไทยได้ในระบบนี้เหมือนเดิม หรือจะมีการคัดสรรประเทศที่จะเปิดให้เข้ามาใหม่ เพื่อสรุปเสนอต่อศบค.ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวฯจะขอให้เริ่มดำเนินการได้ภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 เพื่อฟื้นสถานการณ์การท่องเที่ยวในช่วงไตรมาส 1 ปีนี้
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาเตรียมจะเสนอศบค.ในวันที่ 20 มกราคมนี้ เพื่อให้ไทยกลับมาเปิดรับนักท่องเที่ยวในแบบ Test & Go อีกครั้งภายในเดือนกุมภาพันธ์2565 เพื่อบูทเศรษฐกิจของประเทศให้กลับมาอีกครั้ง
เพราะเชื่อว่าในขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโควิดหลังโควิดได้ และคาดว่าสถานการณ์มีทิศทางที่ดีขึ้น ทำให้นายกรัฐมนตรี เรียกประชุมศบค. ซึ่งท่านก็เข้าใจดีว่าการระงับ Test & Go ชั่วคราวก็มีผลต่อเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของไทย
อย่างไรก็ตามการกลับมาเปิด Test & Go อีกครั้งจะต้องอยู่ภายใต้มาตรการที่รัดกุม โดยการเดินทางเข้าไทยนักท่องเที่ยวจะต้องตรวจโควิดแบบ Rt-Pcr จำนวน 2 ครั้งในระหว่างที่พำนักอยู่ในไทย ที่จะต้องจ่ายเงินล่วงหน้าพร้อมกับการจองโรงแรม รวมถึงการเตรียมแผนเผชิญเหตุ อย่าง การจัดทำ Hotel Isolation (ให้โรงแรมรับนักท่องเที่ยว หากพบติดโควิดให้กักตัวในห้องพักโรงแรมได้) ซึ่งในขณะนี้มีที่ภูเก็ตแล้วจังหวัดอื่นๆก็จะดำเนินการต่อไป
“การแพร่ระบาดของโควิด-19 หลังปีใหม่ ในช่วงแรกๆถือว่าเป็นจุดพีคสุด ทำให้มีแรงกระเพื่อมมาก แต่ตอนนี้ถือว่ารับมือได้ ประกอบกับมีอัตราการฉีดวัคซีนที่เพิ่มขึ้น และความกังวลเรื่องการติดโอมิครอนก็เบาบางลงในยุโรปและสหรัฐอเมริกา เพราะเมื่อฉีดวัคซีนแล้วหากติดอาการจะไม่รุนแรง เราก็หวังว่าการกลับมาเปิด Test & Go ภายในเดือนก.พ.นี้ ก็น่าจะช่วยให้การท่องเที่ยวของไทยในช่วงไตรมาสแรกปีนี้กลับมาเดินหน้าได้อีกครั้ง”
นายพิพัฒน์ ยังกล่าวต่อว่ากระทรวงการท่องเที่ยวฯประเมินด้วยว่า หากสามารถเปิดรับนักท่องเที่ยวประเภท Test & Go ได้ภายในเดือน ก.พ.นี้ จะทำให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยปี 2565 อยู่ที่ 7-8 ล้านคนแน่นอน สร้างรายได้ราว 4.8 แสนล้านบาท แต่ถ้าเป็นปีงบประมาณจะอยู่ที่ราว 5 ล้านคน ส่วนการเดินทางเที่ยวในประเทศของคนไทยจะอยู่ที่ 160 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้ราว 8 แสนล้านบาท
จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ว่าในปี2565 ไทยน่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ที่ราว 5-15 ล้านคน โดยคาดว่าไทยจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติราว 5 ล้านคน จากตลาดยุโรปและสหรัฐ แต่ถ้ามีตลาดอินเดีย รัสเซีย ด้วย จะเพิ่มขึ้นมาเป็น 7 ล้านคน ถ้าได้จีน ก็จะเพิ่มขึ้นเป็น 9 ล้านคน ซึ่งปัจจุบันยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจีนจะเปิดให้ชาวจีนเดินทางออกนอกประเทศได้เมื่อไร แต่ก็หวังว่าหากนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาเที่ยวไทยในช่วงกลางปีนี้เป็นต้นไปก็น่าจะทำให้เราได้ตัวเลขที่ดี และถ้าได้ตลาดจากประเทศเพื่อนบ้าน ลาว กัมพูชา เมียนมา และมาเลเซีย หากมีการเปิดชายแดน ก็น่าจะทำให้ต่างชาติเที่ยวไทยเพิ่มเป็น 15 ล้านคน
นอกจากนี้ในการประชุมครม.วันที่ 25 ม.ค.นี้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(ศสช.)จะขออนุมัติดำเนินโครงการ “เราเที่ยวด้วยกันเฟส4” วงเงิน 1.32 หมื่นล้านบาท ในการขยายห้องพักเพิ่มอีก 2 ล้านรูมไนท์ เพื่อให้เริ่มเปิดลงทะเบียนจองห้องพักได้ในวันที่ 1 ก.พ.นี้
นายศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่าในการประชุมศบค.วันที่ 20 ม.ค.นี้ นอกจากจะมีการหารือถึงแนวทางการเปิดรับนักท่องเที่ยวในแบบTest & Go แล้ว ก็จะมีการหารือเรื่องการเพิ่มพื้นที่แซนด์บ็อกซ์ ที่อาจจะเริ่มจากอยู่ในภูเก็ต-พังงา-กระบี่ รวม 7 วันถ้าไม่ติดโควิดก็สามารถเดินทางไปที่ไหนก็ได้ในไทย ซึ่งถ้าที่ประชุมเห็นชอบให้กลับมาเปิดลงทะเบียนเข้าไทยในแบบTest & Go ส่งดีต่อการท่องเที่ยวอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากนักท่องเที่ยวต่างชาติส่วนใหญ่ที่เดินทางเข้าไทยจะเป็นการเดินทางในแบบTest & Go