ราชกิจจานุเบกษา ออกประกาศคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19)ที่ 4/2564 เรื่อง แนวปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 22) โดยระบุว่า
ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติในการประชุมเมื่อวันที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2565 ให้ขยายระยะเวลาการบังคับใช้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรออกไปตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 จนถึงวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2565
โดยนายกรัฐมนตรีได้ออกข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548(ฉบับที่ 40) ลงวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2564 กำหนดประเภทของผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรให้สอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด - 19 และสอดรับกับนโยบายการเปิดประเทศ
เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของรัฐบาล และออกคำสั่งเพื่อกำหนดแนวปฏิบัติให้หัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินและพนักงานเจ้าหน้าที่นำไปดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันโรคโดยเคร่งครัด
โดยมีคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
(โควิด - 19) ที่ 24/2564เรื่อง แนวปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 19) ลงวันที่ 14ธันวาคมพ.ศ. 2564คำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19)ที่25/2564 เรื่อง แนวปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 20) ลงวันที่ 22ธันวาคม พ.ศ.2564 และคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19)ที่ 2/2565 เรื่อง แนวปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 21) ลงวันที่ 8 มกราคมพ.ศ. 2564 นั้น
โดยที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด - 19 ยังคงแพร่ระบาดในหลายประเทศทั่วโลกเนื่องจากปรากฏกรณีไวรัสโคโรนา 2019 กลายพันธุ์ สายพันธุ์โอมิครอน (Omicron) ที่สามารถแพร่กระจายและมีโอกาสติดเชื้อได้ง่ายกว่าสายพันธุ์อื่นๆ อย่างไรก็ดี ด้วยพบว่าไวรัสโคโรนากลายพันธุ์สายพันธุ์โอมิครอน ไม่ทำให้ผู้ติดเชื้อเกิดอาการป่วยที่รุนแรง และจำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด - 19 มีจำนวนลดลงตามลำดับ
จึงเห็นควรปรับมาตรการป้องกันโรคเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจควบคู่กับความมั่นคงด้านสาธารณสุข เพื่อให้การดำเนินการตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินและการขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าว และตามคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 5/2563 เรื่อง การจัดตั้งหน่วยงานพิเศษเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ลงวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2563 และที่แก้ไขเพิ่มเติม เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นไปอย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์
อาศัยอำนาจตามความในข้อ 4 (2) ของคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 4/2463 เรื่องแต่งตั้งผู้กำกับการปฏิบัติงาน หัวหน้าผู้รับผิดชอบและพนักงานเจ้าหน้าที่ในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินลงวันที่ 25มีนาคม พ.ศ.2563 และที่แก้ไขเพิ่มเติม นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 จึงมีคำสั่งให้หัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินและพนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันโรค ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ให้คำสั่งระงับการรับลงทะเบียนการเดินทางเข้าราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว
สำหรับผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรประเภท (2) ของข้อ 1 ของคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) ที่ 23/2564 เรื่อง แนวปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินพ.ศ.2548 (ฉบับที่ 19) ลงวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2564 ตามคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) ที่ 25 /2564 เรื่อง แนวปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินพ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 20) ลงวันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2564 และคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) ที่2 /2564 เรื่อง แนวปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน
พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 21) ลงวันที่ 8 มกราคม พ.ศ.2565
ยกเว้นกรณีการเดินทางเข้ามา
ในราชอาณาจักรของผู้ซึ่งได้รับอนุญาตประเภท (2) ที่เดินทางเข้ามาในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวได้แก่ จังหวัดกระบี่ จังหวัดภูเก็ต จังหวัดพังงา จังหวัดสุราษฎร์ธานี (เฉพาะเกาะเต่า เกาะพะงันและเกาะสมุย) ยังคงมีผลใช้บังคับต่อไปจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น
ข้อ 2 ให้รับการลงทะเบียนการเดินทางเข้าราชอาณาจักรของผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรประเภท (1) และ (2) ของข้อ 1 ของคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) ที่ 24/2564 เรื่อง แนวปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548(ฉบับที่ 19) ลงวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2564
โดยผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรประเภท (2)ให้รับการลงทะเบียนการเดินทางเข้าราชอาณาจักรเฉพาะผู้ที่เดินทางเข้ามาในพื้นที่จังหวัดชลบุรี (เฉพาะอำเภอบางละมุง เมืองพัทยา อำเภอศรีราชา อำเภอสัตหีบ (เฉพาะตำบลนาจอมเทียน และตำบลบางเสร่)และจังหวัดตราด (เฉพาะอำเภอเกาะช้าง) ซึ่งได้กำหนดให้เป็นพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 1กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 เป็นต้นไป
ข้อ 3 ให้ปรับมาตรการป้องกันโรคสำหรับผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรประเภท (1)
ของข้อ 1 ของคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(โควิด - 19) ที่ 24/2564 เรื่อง แนวปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 19) ลงวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2564
โดยให้มีหลักฐานที่ใช้ในการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร และการตรวจหาเชื้อโรคโควิด - 19 โดยวิธีRT - PCR ภายใต้หลักเกณฑ์และเงื่อนไข ดังนี้
(1) กรณีผู้เดินทางพำนักอยู่ในราชอาณาจักรเป็นเวลาน้อยกว่า 5 วัน ให้มีหลักฐานการชำระค่าที่พักหรือสถานที่กักกันที่ทางราชการกำหนดในวันแรกที่ผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร และหลักฐานการชำระค่าตรวจหาเชื้อโดยวิธี RT- PCR จำนวน 1 ครั้ง ทั้งนี้ ต้องเป็นโรงแรมหรือสถานที่พักหรือสถานที่กักกันที่ทางราชการกำหนดที่มีโรงพยาบาลคู่ปฏิบัติการตามหลักเกณฑ์ที่ทางราชการกำหนดและได้รับการขึ้นทะเบียนตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยกำหนด หรือสถานที่ซึ่งผู้เดินทางต้องเข้ารับการกักกันตามที่ทางราชการกำหนด
ได้แก่ สถานที่ที่ผู้เดินทางต้องเข้ารับการกักกันซึ่งได้ขึ้นทะเบียนต่อกระทรวงสาธารณสุขหรือสถานที่ซึ่งผู้เดินทางต้องเข้ารับการกักกันตามที่คณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานครหรือคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดแล้วแต่กรณี อนุมัติและตรวจสอบ สำหรับในกรณีการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรทางอากาศให้มีบัตรโดยสารของสายการบินที่ระบุหัวงระยะเวลาในการเดินทางออกจากราชอาณาจักรด้วย
(2) กรณีผู้เดินทางพำนักอยู่ในราชอาณาจักรเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 5 วัน ให้มีหลักฐาน
การชำระค่าที่พักหรือสถานที่กักกันที่ทางราชการกำหนดในวันแรกที่ผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรและในวันที่ 5 ของระยะเวลาที่พำนักอยู่ในราชอาณาจักร และหลักฐานค่าตรวจหาเชื้อโดยวิธี RT- PCR จำนวน 2 ครั้ง ทั้งนี้ ต้องเป็นโรงแรมหรือสถานที่พักหรือสถานที่กักกันที่ทางราชการกำหนด
ที่มีโรงพยาบาลคู่ปฏิบัติการตามหลักเกณฑ์ที่ทางราชการกำหนด และได้รับการขึ้นทะเบียนตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยกำหนด หรือสถานที่ซึ่งผู้เดินทางต้องเข้ารับการกักกันตามที่ทางราชการกำหนด
ได้แก่สถานที่ที่ผู้เดินทางต้องเข้ารับการกักกันซึ่งได้ขึ้นทะเบียนต่อกระทรวงสาธารณสุขหรือสถานที่ซึ่งผู้เดินทางต้องเข้ารับการกักกันตามที่คณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานครหรือคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด แล้วแต่กรณี อนุมัติและตรวจสอบโดยให้โรงพยาบาลคู่ปฏิบัติการของโรงแรมหรือสถานที่พักหรือสถานที่ซึ่งผู้เดินทางต้องเข้ารับการกักกันตามที่ทางราชการกำหนด แล้วแต่กรณี
ดำเนินการตรวจหาเชื้อโรคโควิด - 19 โดยวิธี RT - PCRครั้งที่ 1 ในวันแรก และครั้งที่ 2 ในวันที่ 5 ของระยะเวลาที่ผู้เดินทางพำนักอยู่ในราชอาณาจักรหรือเมื่อมีอาการของโรคระบบทางเดินหายใจ หรือตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด
ข้อ 4 ให้ปรับมาตรการป้องกันโรคสำหรับผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรประเภท (2)ของข้อ 1 ของคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(โควิด - 19) ที่24 /2564 เรื่อง แนวปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 19) ลงวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2564เฉพาะที่เดินทางเข้ามาในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว ได้แก่ จังหวัดกระบี่ จังหวัดภูเก็ต จังหวัดพังงา
จังหวัดสุราษฎร์ธานี (เฉพาะเกาะเต่า เกาะพะงัน และเกาะสมุย) จังหวัดชลบุรี (เฉพาะอำเภอบางละมุง เมืองพัทยา อำเภอศรีราชา อำเภอสัตหีบ (เฉพาะตำบลนาจอมเทียน และตำบลบางเสร่) และจังหวัดตราด
(เฉพาะอำเภอเกาะช้าง)
โดยให้มีหลักฐานที่ใช้ในการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร การตรวจหาเชื้อโรคโควิด - 19 โดยวิธี RT - PCR จำนวน 2 ครั้ง และการเดินทางในระหว่างที่พำนักอยู่ในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว ภายใต้หลักเกณฑ์และเงื่อนไข ดังนี้
(1) ให้มีหลักฐานการชำระค่าที่พักหรือสถานที่กักกันที่ทางราชการกำหนดเมื่อผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ไม่น้อยกว่า 7 วัน และหลักฐานค่าตรวจหาเชื้อโดยวิธี RT - PCR จำนวน 2 ครั้ง ทั้งนี้ต้องเป็นโรงแรมหรือสถานที่พักหรือสถานที่กักกันที่ทางราชการกำหนดที่มีโรงพยาบาลคู่ปฏิบัติการตามหลักเกณฑ์ที่ทางราชการกำหนด และได้รับการขึ้นทะเบียนตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยกำหนด หรือสถานที่ซึ่งผู้เดินทางต้องเข้ารับการกักกันตามที่ทางราชการกำหนด
ได้แก่ สถานที่ที่ผู้เดินทางต้องเข้ารับการกักกันซึ่งได้ขึ้นทะเบียนต่อกระทรวงสาธารณสุขหรือสถานที่ซึ่งผู้เดินทางต้องเข้ารับการกักกันตามที่คณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานครหรือคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด แล้วแต่กรณี อนุมัติและตรวจสอบ และให้บังคับใช้เงื่อนไขนี้กับผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรที่แม้จะมีสถานที่พำนักอยู่ในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวด้วย
เว้นแต่กรณีที่ผู้เดินทางพำนักอยู่ในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวเป็นเวลาน้อยกว่า 5 วัน ให้มีหลักฐานการชำระค่าตรวจหาเชื้อโดยวิธี RT - PCR จำนวน 1 ครั้ง และกรณีที่ผู้เดินทางพำนักอยู่ในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวเป็นเวลาน้อยกว่า 7 วัน ให้มีหลักฐานการชำระค่าที่พักหรือสถานที่กักกันที่ทางราชการกำหนดตามระยะเวลาที่ผู้เดินทางพำนักอยู่ในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว
สำหรับในกรณีการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรทางอากาศ ให้มีบัตรโดยสารของสายการบินที่ระบุหัวงระยะเวลาในการเดินทางออกจากราชอาณาจักรด้วย
(2 )ให้โรงพยาบาลคู่ปฏิบัติการของโรงแรมหรือสถานที่พักหรือสถานที่ซึ่งผู้เดินทางต้องเข้ารับการกักกันตามที่ทางราชการกำหนด แล้วแต่กรณี ดำเนินการตรวจหาเชื้อโรคโควิด - 19 โดยวิธี RT - PCR ครั้งที่ 2 ให้แก่ผู้เดินทาง ระหว่างวันที่ 5-6 ของระยะเวลาที่พำนักอยู่ในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว หรือเมื่อมีอาการของโรคระบบทางเดินหายใจ หรือตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด
(3) กรณีผู้เดินทางในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวในกลุ่มจังหวัดกระบี่ จังหวัดภูเก็ตจังหวัดพังงา และจังหวัดสุราษฎร์ธานี (เฉพาะเกาะเต่า เกาะพะงัน และเกาะสมุย) หากผลการตรวจเชื้อโรคโควิด - 19 โดยวิธี RT - PCR ในครั้งแรกยืนยันว่าผู้เดินทางไม่มีเชื้อโรคโควิด - 19 ให้ผู้เดินทางสามารถเดินทางในกลุ่มจังหวัดดังกล่าวได้ โดยให้ผู้เดินทางสามารถเปลี่ยนโรงแรมหรือสถานที่ พักหรือสถานที่ซึ่งผู้เดินทางต้องเข้ารับการกักกันตามที่ทางราชการกำหนดได้ไม่เกิน 3 แห่ง ทั้งนี้ ต้องเป็นโรงแรมหรือสถานที่พักหรือสถานที่ซึ่งผู้เดินทางต้องเข้ารับการกักกันตามที่ทางราชการกำหนดที่อยู่ในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวเท่านั้น
ข้อ 5 ให้ผู้เดินทางซึ่งต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคตามข้อ 3 และข้อ 4 ข้างต้นยังคงปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคอื่น 1 ตามคำสั่งที่ได้ประกาศไว้ก่อนหน้านี้โดยเคร่งครัดและให้โรงแรมหรือสถานที่พักหรือสถานที่ซึ่งผู้เดินทางต้องเข้ารับการกักกันตามที่ทางราชการกำหนดแล้วแต่กรณี ดำเนินการกำกับ ติดตาม และตรวจสอบการเข้าพักหรือการเข้าออกของผู้เดินทาง ทั้งนี้ตามหลักเกณฑ์หรือแนวทางที่ทางราชการกำหนด
ข้อ 6 สำหรับผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรประเภท (3) (4) (5) และ (6) ของข้อ 1 ของคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19)ที่ 24/2564 เรื่อง แนวปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548ฉบับที่19 ) ลงวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2564 ให้ปฏิบัติตามคำสั่งที่ได้ประกาศไว้ก่อนหน้านี้โดยเคร่งครัด
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น
สั่ง ณ วันที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2565 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด - 19
สรุป จากราชกิจจาฯดังกล่าว สรุปสั้นๆได้ว่า
อ่านเนื้อหาฉบับเต็มตามรายละเอียดดังนี้