นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC เปิดเผยว่า หลังการทรานส์ฟอร์มองค์กรครั้งใหญ่ในปี 2560 ภายใต้แนวคิด New Central New Retail จนประสบความสำเร็จ ยุทธศาสตร์การเดินหน้าธุรกิจ 5 ปี (ปี 2565-2569) บริษัทจะมุ่งเดินหน้าภายใต้กลยุทธ์ CRC Retailligence เพื่อขับเคลื่อนองค์กร สร้างนวัตกรรมการค้าแห่งยุคอนาคต
ด้วย 4 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ 1. Reinvent Next-Gen Omni Retail การยกระดับแพลตฟอร์มออมนิแชแนลผ่านการเชื่อมโลกจริงและโลกเสมือนจริง โดยใช้เทคโนโลยีและดิจิทัลใหม่ๆ เพื่อมอบประสบการณ์การช้อปปิ้งเหนือระดับในทุกกลุ่มธุรกิจ ทั้งฟู้ด แฟชั่น ฮาร์ดไลน์ พร็อพเพอร์ตี้ รวมถึงกลุ่มธุรกิจใหม่ๆ ครอบคลุมทั่วประเทศทั้งในไทย เวียดนาม และอิตาลี
ยุทธศาสตร์ที่ 2. Accelerate Core Leadership การขับเคลื่อนและสร้างการเติบโตในกลุ่มธุรกิจหลักของ เซ็นทรัล รีเทล ทั้งในประเทศและต่างประเทศ และร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ระดับสากล 3. Build New Growth Pillars การเดินหน้าสร้างธุรกิจใหม่ โดยเริ่มจากกลุ่ม Health & Wellness ที่จะกลายเป็นพิลาร์ที่เติบโตในอนาคตและกลายเป็นหนึ่งในเสาหลักของธุรกิจต่อไป รวมถึงเซ็กเมนต์อื่นๆ ที่เป็นไปตามเทรนด์ของโลกและความต้องการของผู้บริโภค และ 4. Drive Partnership, Acquisition and Spin Off ขยายธุรกิจภายใต้แนวคิด Inclusive Growth สร้างความสำเร็จร่วมกันกับพาร์ทเนอร์เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน
โดยเบื้องต้นบริษัทเตรียมงบลงทุนไว้ 1 แสนล้านบาท แบ่งเป็นการขยายสาขาใหม่และปรับปรุงสาขาเดิม 7 หมื่นล้านบาท ส่วนอีก 3 หมื่นล้านบาท เป็นการลงทุนด้านเทคโนโลยีทั้งฮาร์ดแวร์ ซอฟท์แวร์ เพื่อรองรับพฤติกรรมผู้บริโภคและเทคโนโลยีที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
“จากการศึกษาและวิเคราะห์ภาพรวมจะเห็นว่า นับจากนี้โลกจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ใน 5 เทรนด์ ได้แก่ 1. A New Consumer Paradigm : พฤติกรรมของผู้บริโภคจะพลิกไปสู่รูปแบบใหม่ ทั้งในโลกจริงและโลกเสมือนจริง ซึ่งแตกต่างจากรูปแบบเดิมอย่างสิ้นเชิงและรวดเร็ว 2. Scaling in the Era of Digital Acceleration : โลกจะพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว โดยมีเทคโนโลยีและดิจิทัลเป็นตัวเร่ง
3. The Future of Wellness : ผู้บริโภคจะให้ความสำคัญมากยิ่งขึ้นในการดูแลสุขภาพ และการใช้ชีวิตให้ถูกสุขลักษณะ โดยจะมีเทคโนโลยีเข้ามาเป็นตัวเชื่อม ตอบโจทย์การดำเนินชีวิตได้ครบวงจร 4. Partnership for Inclusive Growth : การร่วมมือกันระหว่างพันธมิตรทางธุรกิจ จะมุ่งเน้นไปที่ความสำเร็จและการเติบโตไปด้วยกัน และ 5. Sustainability Agenda for All : การมุ่งมั่นที่จะพัฒนาสังคมและดำเนินธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน เป็นเรื่องสำคัญของทุกคนและทุกภาคส่วน”
ดังนั้นการดำเนินธุรกิจของเซ็นทรัล รีเทล จะต้องมุ่งเน้นการรองรับการเปลี่ยนแปลงในระยะยาว เพื่อสร้างการเติบโตให้กับ 4 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ ฟู้ด แฟชั่น ฮาร์ดไลน์ และพร็อพเพอร์ตี้ รวมไปถึงการสร้างธุรกิจใหม่ๆ ผ่านออมนิแชแนล แพลตฟอร์ม ซึ่งที่ผ่านมาพบว่าในช่วงสถานการณ์โควิด บริษัทยังสามารถทำยอดขายผ่านออมนิแชแนลเติบโตได้กว่า 500% ขณะที่ยอดขายในสาขา (Physical Store) ก็มีการเติบโตไปด้วยทั้งสัดส่วนรายได้จากการขายที่เติบโต 8% สัดส่วนรายได้จากการเช่าเติบโต 21% ขณะที่มีสาขารวม 3,600 แห่ง
“วันนี้สถานการณ์เปลี่ยน เซ็นทรัลรีเทล มีความพร้อมมากขึ้น แม้ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิดทั้ง่ในปี 2563 และ 2564 ที่มีการล็อกดาวน์ทำให้ได้รับผลกระทบ แต่ก็เป็นประสบการณ์ทำให้บริษัทสามารถเดินหน้าต่อไปได้ วันนี้โควิดจบแล้ว และเราต้องอยู่กับมัน เรามองเห็นแสงสว่างที่ชัดเจนและจะเป็นคนแรกที่ออกจากอุโมงค์โควิดได้เร็วกว่าคนอื่น แข็งแรงขึ้น และพร้อมที่จะขยายไปในธุรกิจใหม่มากขึ้น”
นายญนน์ กล่าวอีกว่า เซ็นทรัล รีเทล จะเป็นผู้นำในการ Reshape Retail Industry ผ่าน CRC Retailligence และมี CRC Data Ecosystem มาเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทั้งในโลกจริงและโลกเสมือนจริง นำเสนอสินค้าและบริการในรูปแบบ Hyper-Personalization บนฐานข้อมูลที่เจาะลึก Customer Insight ซึ่งวันนี้ในโลก Metaverse ก็อยู่ระหว่างการทดลองที่จะนำเสนอสินค้าและบริการให้กับลูกค้าในอนาคตด้วย โดยบริษัทตั้งเป้าหมายที่จะมีรายได้เติบโต 2.5 เท่า EBITDA เพิ่มขึ้น 3.5 เท่า และ Market Cap เพิ่มขึ้น 2.5 เท่า ในปี 2569