แอลจีมองตลาดเครื่องปรับอากาศมูลค่าตลาด 2 หมื่นล้าน ปี 2565 มีโอกาสพลิกฟื้นอย่างน้อย 10% เหตุอากาศร้อนขึ้นและยาวนานขึ้น บวกกับเศรษฐกิจเริ่มเห็นสัญญาณที่ดีผู้บริโภคกล้าจับจ่ายซื้อเครื่องปรับอากาศทดแทนของเดิม เพิ่มปริมาณเครื่องปรับอากาศในบ้านรับWork from home
เตรียมออกไลน์ผลิตภัณฑ์ครอบคลุมฟีเจอร์สุขภาพ และดีไซน์มินิมอลหนุนดีมานด์ซื้อเครื่องปรับอากาศเป็นของแต่งบ้าน พร้อมทุ้ม250ล้านบาทลุยการตลาด 360 องศายิงยาวตั้งแต่ต้นปี ดันเป้าเติบโต35% ขึ้นไปหรือปิดรายได้ที่ 3200 ล้านบาท
นาย ซองฮัน จาง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย)จำกัด เปิดเผยว่า LG มุ่งมั่นที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ล้ำสมัยอยู่ตลอดเวลาเพื่อตอบโจทย์สำหรับวิถีชีวิตวิถีใหม่ของผู้บริโภคพร้อมกับการดูแลที่สำคัญนั่นคือเรื่องของสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีมากขึ้น
ในปี 2022นี้ LG มีแผนส่งนวัตกรรมเครื่องปรับอากาศภายในบ้านและเครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์ตอบโจทย์ความต้องการทางด้านประสบการณ์ความเย็นและความสะอาดของอากาศ ครอบคลุมทั้งที่อยู่อาศัย คาเฟ่ โรงแรม รวมถึงโรงพยาบาล และเพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านระดับพรีเมี่ยมLGได้ใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยหรือIoT เข้ามาใช้ มีการเชื่อมต่อผ่านแอพพลิเคชั่น เพื่ออำนวยความสะดวกและสร้างประสิทธิภาพขั้นสูงสุดให้กับผู้บริโภค
ด้าน นายอำนาจ สิงหจันทร์ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาด บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดเครื่องปรับอากาศในช่วงที่ผ่านมาในปี2019 มูลค่าตลาดอยู่ที่23000 ล้านบาท แต่ในปี 2020 ซึ่งเป็นช่วงการระบาดของโควิด-19 ทำให้มูลค่าตลาดลดลงไป9.9%เหลือเพียง 20,929ล้านบาท และในปี2021 มูลค่าตลาดลดลง1.7%เหลือเพียง20,563 ล้านบาท
ซึ่งในช่วง 2 ปีที่ผ่านมานอกจากมูลค่าตลาดที่ลดลงแล้ว ความต้องการของผู้บริโภคก็เปลี่ยนไปด้วยเช่นในปี 2019 เครื่องปรับอากาศที่ผู้บริโภคต้องการจะเป็นเครื่องปรับอากาศระบบอินเวอร์เตอร์ เย็นเร็วทนทานและประหยัดพลังงาน ในขณะที่ปี 2021 จากการสำรวจทำให้ทราบว่าผู้บริโภคเริ่มมีความต้องการที่เปลี่ยนโดยมองหาเครื่องปรับอากาศที่ดีต่อสุขภาพ ใส่ใจเรื่องความสะอาดมากขึ้นและที่สำคัญเครื่องปรับอากาศจะต้องสามารถควบคุมการใช้งานผ่านสมาร์ทโฟนได้ขณะเดียวกันก็ยังคอนเซิร์นเรื่องการประหยัดพลังงานเพราะเครื่องปรับอากาศจะถูกเปิดใช้งานยาวนานมากขึ้น
สำหรับแนวโน้มตลาดเครื่องปรับอากาศปีนี้ คาดว่าจะเติบโตขึ้นอย่างน้อย10% หรือมีมูลค่าตลาด 2.2 หมื่นล้านบาท เนื่องจากปีนี้มีการคาดการว่าสภาพอากาศจะร้อนมากขึ้น ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมีนาคมเป็นต้นไปซึ่งเป็นปัจจัยสูงสุดทำให้เครื่องปรับอากาศขายดีมากขึ้น บวกกับมีสิ่งกระตุ้นมากมายที่ทำให้ต้องซื้อเครื่องปรับอากาศเช่นการอยู่บ้านมากขึ้นทำให้ทุกๆห้องในบ้านต้องมีการปรับติดเครื่องปรับอากาศมากขึ้นหรือบางกลุ่มต้องการอัพเกรดเครื่องปรับอากาศให้ดีขึ้นอย่างน้อยต้องเป็นระบบอินเวอร์เตอร์ หรือเครื่องปรับอากาศที่ดีต่อสุขภาพช่วยฆ่าเชื้อโรคไวรัสหรือแบคทีเรียต่างๆได้
และอีกกลุ่มที่เป็นตลาดที่หายไปในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาคือกลุ่มที่ซื้อเครื่องปรับอากาศทดแทนของเก่าเนื่องจาก 2 ปีที่ผ่านมาด้วยโควิดทำให้เกิดการชะลอการซื้อเปลี่ยน เพราะฉะนั้นมาถึงปีนี้ก็น่าจะมี demand จากกลุ่มที่ชะลอการซื้อไปกลับมาและสิ่งสุดท้ายคือคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้นจากการเริ่มเปิดประเทศโดยเฉพาะในจังหวัดที่เป็นท่องเที่ยวเศรษฐกิจน่าจะดีขึ้นมากทำให้มีเม็ดเงินและการจับจ่ายเพิ่มมากขึ้น
โดย LG สามารถปิดรายได้ปี2021 ที่ 2370 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่ถือว่ารักษาระดับได้ แต่ไม่ถึงกับโตและปี 2022 นี้บริษัทตั้งเป้าเติบโต35% ขึ้นไปหรือปิดรายได้ที่ 3200 ล้านบาท
ในปี 2022 นี้LG เตรียมเปิดตัวแอร์บ้านเพิ่ม 6 รุ่น ทำให้มีสินค้ารวม 29 รุ่น ขนาดตั้งแต่ 9,000 – 30,000 บีทียู ราคาเริ่มต้น 17,990– 60,990 บาท โดยเน้นนำเสนอนวัตกรรมระบบกำจัดเชื้อโรค-สารก่อภูมิแพ้ ฟิลเตอร์กรองฝุ่นและระบบไล่ความชื้นอัตโนมัติ เพื่อตอบโจทย์ทั้งด้านไลฟ์สไตล์และสุขภาพ นอกจากเทคโนโลยีและฟีเจอร์ที่ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อโรคที่อยู่ในเครื่องปรับอากาศทำให้อากาศที่ออกมาจากเครื่องปรับอากาศสะอาดตลอดเวลาแล้ว LGให้ความสำคัญกับเรื่องของดีไซน์โดยเพิ่มไลน์ผลิตภัณฑ์ LG ART COOL (รุ่น IW) เวอร์ชั่นใหม่สีเขียวแมทช์เพื่อเพิ่มทางเลือกที่ไม่ใช่แค่ให้ความเย็นหรือให้ฟังก์ชันด้านสุขภาพอย่างเดียวแต่ยังมีดีไซน์ที่สวยงามด้วยเช่นเดียวกัน
“สำหรับแอร์ LG สิ่งที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จในปีนี้คือเรามีการพัฒนาการสินค้าอย่างต่อเนื่องของตัวผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าการพัฒนาเทคโนโลยีให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคจะทำให้เราก้าวไปถึงความสำเร็จได้ บวกกับการทำการตลาดที่ครอบคลุม 360 องศาโดยใช้แบรนด์ แอมบาสเดอร์ “เวียร์ ศุกลวัฒน์ คณารศ” เพื่อทำให้เครื่องปรับอากาศ LG เข้าใกล้หรือเข้าถึงผู้บริโภคได้มากขึ้น การพัฒนา CX คอนซูมเมอร์ เอกพีเรียนให้กับลูกค้าในทุกช่องทางและสุดท้ายที่เป็นจุดสำคัญคือความร่วมมือกับตัวแทนจำหน่ายและการพัฒนาช่องทางการจัดจำหน่ายเพื่อส่งต่อสินค้าไปถึงผู้บริโภคได้ดีขึ้น”
นอกจากนี้ยังเตรียมงบกว่า 250ล้านบาทในการทำการตลาดอย่างจริงจัง และจะเริ่มทำการโปรโมทสินค้าผ่านโฆษณาในสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสื่อทีวี ออนไลน์รวมถึงการทำ CSR รวมไปถึงสื่อดั้งเดิมอย่างสื่อวิทยุ สื่อสิ่งพิมพ์และ out of home ทั่วประเทศ
“ทิศทางตลาดปีนี้ สินค้าในกลุ่มกลางบนขึ้นไปขายได้เยอะขึ้น ผู้บริโภคในกลุ่มกลางบนมีกำลังซื้อมากขึ้นเพราะฉะนั้นปีนี้เราออกสินค้าที่น่าจะตรงกับปริมาณความต้องการที่มี เพราะฉะนั้นเรามั่นใจว่าเราโตขึ้นได้แน่ๆ นอกจากแอร์บ้านเราก็มีแนวโน้มที่จะเจาะตลาดโรงพยาบาลเพราะว่าเรามีเครื่องฟอกอากาศ เครื่องฆ่าเชื้อโรค ซึ่งแนวโน้มโรงพยาบาลต่างๆก็ใช้เครื่องฟอกอากาศของเราอยู่แล้ว ซึ่งแอร์เชิงพาณิชย์ก็จะมีฟีเจอร์ฟอกอากาศอยู่ซึ่งตรงนี้เราคิดว่าน่าจะไปได้ดี และจริงๆไม่ใช่แค่โรงพยาบาลเพราะเราไม่ได้มองว่าระบบแอร์เพื่อสุขภาพไม่ได้ใช้เฉพาะในโรงพยาบาลอย่างเดียว แต่ห้องนั่งเล่นห้องรับแขกห้องนอนก็สามารถใช้ได้ทั้งหมดเลย”