เดอะ มอลล์ อัด 150 ล้าน ปลุกยอดขาย ‘ซัมเมอร์’
เดอะมอลล์ กรุ๊ป สาดงบ 150 ล้าน จัดแคมเปญ “SUMMER-CATION” ปลุกมูดนักช้อปรับซัมเมอร์ มั่นใจภาพรวมไตรมาส 1 ดีกว่าปีก่อนหลังรัฐไฟเขียว ให้ธุรกิจกลับมาขับเคลื่อนได้ ขณะที่สงครามรัสเซีย-ยูเครน กลายเป็นปัจจัยที่น่ากังวล วอนรัฐออกมาตรการกระตุ้นนักช้อปต่อเนื่อง
นางสาววรลักษณ์ ตุลาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มการตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ภาพรวมไตรมาส 1 ในปีนี้ดีกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เห็นได้จากจำนวนลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการมากขึ้น แม้จะมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ส่วนหนึ่งเชื่อว่าเป็นเพราะผู้ประกอบการ ร้านค้า รวมถึงลูกค้า มีความเข้าใจและมีมาตรการป้องกันโควิดมากขึ้น ขณะเดียวกันรัฐบาลก็ผ่อนปรนให้ร้านค้าต่างๆ กลับมาเปิดให้บริการได้
สำหรับในช่วงซัมเมอร์ของปีนี้ซึ่งเป็นไฮซีซั่นของการจับจ่าย บริษัทเตรียมใช้งบลงทุนกว่า 150 ล้านบาท ในการจัดแคมเปญ “SUMMER-CATION” เพื่อรองรับกำลังซื้อที่จะเข้ามา โดยการจัดงานในปีนี้จะตอบรับไลฟ์สไตล์สังคมไทยในยุคดิจิทัล (DIGITALIZATION) ด้วยการผสานเทคโนโลยี AR (Augmented Reality) สร้างประสบการณ์ซัมเมอร์รูปแบบใหม่ให้ลูกค้าได้สัมผัส ผ่านกิจกรรม “SUMMER-CATION AR HUNTING GAME” เกมท่องโลกซัมเมอร์เหนือจินตนาการ ซึ่งจัดขึ้น ณ ศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ ทุกสาขา, เอ็มโพเรียม, เอ็มควอเทียร์ และพารากอน ดีพาร์ทเม้นท์สโตร์
นอกจากนี้เดอะมอลล์ และเดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ทุกสาขา ผนึกกำลังพันธมิตรทางธุรกิจ ธนาคารซิตี้แบงก์ประเทศไทย, ธนาคารไทยพาณิชย์, ไทยประกันชีวิต, ไทยน้ำทิพย์ และพันธมิตรร้านค้าในศูนย์การค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ชั้นนำกว่า 700 ร้าน อาทิ H&M, MUJI, UNIQLO, POMELO, และ GENTLEWOMAN จัดแคมเปญ “THE MALL SUMMER-CATION” ระหว่างวันที่ 17 มี.ค.-15 พ.ค. ที่เดอะมอลล์และเดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ ทุกสาขา อย่างไรก็ดีจากการทำการตลาดในซัมเมอร์นี้คาดว่าจะช่วยดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้น 15% จากช่วงเวลาปกติ
“ปีนี้ผู้ประกอบการแบรนด์ต่างๆ มีการนำเสนอคอลเลคชั่นใหม่รับซัมเมอร์ ไม่ว่าจะเป็นแฟชั่นเสื้อผ้า ชุดว่ายน้ำ รวมถึงสินค้าที่เกี่ยวข้องเช่น ครีมกันแดด ทำให้บรรยากาศกลับมาคึกคึกขึ้น ขณะเดียวกันก็มีบางกลุ่มที่เฝ้าดู แต่ยังเดินหน้าในการทำตลาดเพื่อรักษายอดขาย ขณะที่กลุ่มลูกค้าเริ่มกลับมามากขึ้นแต่จะใช้เวลาอยู่ในห้างลดลง โดยมีการวางแผนในการมาซื้อสินค้า อย่างไรก็ดีโดยภาพรวมเชื่อว่าในไตรมาส 1 นี้จะดีขึ้นกว่าปีก่อน”
อย่างไรก็ดีอีกปัจจัยที่น่ากังวลและต้องติดตามอย่างใกล้ชิด คือ ปัญหาระหว่างรัสเซียกับยูเครน ที่คาดเดายากว่าจะยุติเมื่อไรและสถานการณ์จะเป็นอย่างไร เพราะปัญหาดังกล่าวส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยเฉพาะเรื่องของราคาน้ำมัน ที่เป็นตัวแปรสำคัญในการดำเนินธุรกิจ รวมถึงการใช้ชีวิต ที่หากเพิ่มสูงขึ้นก็จะกระทบต่อกำลังซื้อและการจับจ่ายของผู้บริโภคด้วย
นางสาววรลักษณ์ กล่าวอีกว่า อยากให้รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นกำลังซื้ออีกรอบ เพราะอาจจะทำให้ผู้ประกอบการลดต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งการออกมาตรการกระตุ้นควรมีกำหนดระยะเวลาสั้นๆเพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคตื่นตัว และใช้จ่ายจริง โดยที่ผ่านมาพบว่าได้รับการตอบรับที่ดีในระดับหนึ่ง เช่น โครงการช้อปดีมีคืน พบว่า จำนวนลูกค้า 100 คน มีผู้ใช้จ่ายร่วมในโครงการราว 20-25%
“วันนี้เชื่อว่าทุกฝ่ายช่วยกัน ไม่ได้รอแต่มาตรการของภาครัฐ แต่การร่วมมือกันทั้งภาครัฐและเอกชน จะทำให้ลูกค้าเกิดความรู้สึกว่าคุ้มค่า และอยากจะออกมาจับจ่าย”
หน้า 16 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 ฉบับที่ 3,764 วันที่ 10 - 12 มีนาคม พ.ศ. 2565 น