ในปัจจุบัน หลายบริษัททั้งภาครัฐและเอกชนได้ร่วมรณรงค์และจัดตั้งนโยบายการจ้างงาน และการทำงานอย่างเป็นธรรมให้กับพนักงาน ทั้งนี้ เพื่อรักษาสิทธิมนุษยชน และสร้างความเสมอภาคในการได้รับโอกาสการจ้างงานให้เกิดขึ้นภายในองค์กร จ๊อบส์ดีบี (JobsDB) ในฐานะแพลตฟอร์มการสรรหาบุคลากร ที่ให้ความสำคัญและเคารพต่อสิทธิมนุษยชนตลอดมา
จึงจัดตั้งนโยบายให้ผู้ประกอบการลงประกาศรับสมัครงานโดยไม่จำกัดอายุ เพศ เชื้อชาติ สัญชาติ สถานภาพสมรส และปัจจัยอื่น ๆ ที่สื่อถึงการเลือกปฏิบัติในประกาศงานทุกตำแหน่งที่เปิดรับ โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2565 ที่ผ่านมา
นโยบายดังกล่าว นอกจากจะช่วยองค์กรให้ได้ผู้หางานที่มีประสบการณ์ ความรู้ และความสามารถที่เหมาะสมกับตำแหน่งงานแล้ว ยังเป็นการเพิ่มโอกาสสู่ความสำเร็จของผู้หางานทุกคนทุกกลุ่มในประเทศไทยที่ล้วนมีความสามารถแตกต่างหลากหลายเฉพาะบุคคล
นางสาวพรลัดดา เดชรัตน์วิบูลย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท จัดหางาน จ๊อบส์ ดีบี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ปัจจุบัน สังคมไทยได้ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย ขณะเดียวกันคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความสามารถก็เริ่มเข้าสู่ตลาดงานมากขึ้น ยุคสมัยที่เปลี่ยนไป มาพร้อมกับวิถีชีวิตและบทบาทของผู้คนในสังคมที่เปลี่ยนแปลง ผู้คนในปัจจุบันมีความรู้ความเข้าใจ และเปิดรับความหลากหลายและความแตกต่างระหว่างบุคคลมากขึ้น
"จ๊อบส์ดีบี (JobsDB) ในฐานะแพลตฟอร์มหางานชั้นนำของเอเชีย เรามุ่งมั่นที่จะเชื่อมต่อผู้ประกอบการและผู้หางาน โดยให้ความสำคัญที่ประสบการณ์ และความรู้ความสามารถของผู้หางานเป็นหลัก เพื่อการหางานที่มีประสิทธิภาพและผลักดันการจ้างงานในระยะยาวโดยคำนึงถึงความเท่าเทียมกัน การขอความร่วมมือผู้ประกอบการให้มองข้ามข้อจำกัดด้านสถานภาพทางสังคม ถือเป็นก้าวแรกและก้าวสำคัญแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สู่ความเสมอภาคในการจ้างงานอย่างยั่งยืนในอนาคต”
ด้านนางสาวนาฎฤดี อาจหาญวงศ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มงานบริหารทรัพยากรบุคคล บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค กล่าวว่า “ดีแทคนั้น มุ่งส่งเสริมการปฏิบัติที่เท่าเทียมสำหรับลูกค้าและพนักงานของเราทุกคน เราไม่อดทนต่อการเลือกปฏิบัติทางเพศสภาพ รสนิยมทางเพศ อายุ เชื้อชาติ หรือศาสนา แนวปฏิบัติดังกล่าวนั้น เป็นส่วนหนึ่งของหลักธรรมาภิบาล (Code of Conduct) ของเรามาอย่างยาวนาน และนโยบายสำหรับพนักงานกลุ่ม LGBTQ นี้ ถือเป็นการเน้นย้ำจุดยืนของเราในเรื่องความหลากหลาย อีกทั้งเป็นการปรับเปลี่ยนให้สวัสดิการสำหรับพนักงานของเรานั้นมีความเท่าเทียมยิ่งขึ้น”
เช่นเดียวกับนางสาวณัฏฐณิชา วรวรรณเศรษฐ์ รองประธานอาวุโสฝ่ายสนับสนุนการบริหารงานในองค์กร แบรนด์ ซันโทรี่ ประเทศไทย และอินโดไชน่า กล่าวว่า “ในฐานะผู้นำธุรกิจด้านอาหารเสริมสุขภาพในเอเชีย แบรนด์ ซันโทรี่ ประเทศไทย มุ่งดำเนินธุรกิจและบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลภายใต้ภายใต้วิสัยทัศน์ “Growing for Good” ซึ่งวิสัยทัศน์นี้ถูกนำมาใช้ทั้งในด้านการดำเนินธุรกิจ และการบริหารบุคลากร โดยมีพันธกิจ คือ การมุ่งสร้างความสมดุลกับผู้คน และธรรมชาติผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ รวมถึง การสร้างความสมดุลกับพนักงานด้วยการบริหารความหลากหลายในองค์กร (Non Discrimination) เพราะเราเชื่อว่าบุคลากรจะเติบโตในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย ประสบการณ์ พลังแห่งความคิด และวัฒนธรรมที่หลากหลายของพนักงานนั้นมีคุณค่า”