นายกรีฑากร ศิริอัฐ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอสแอลอาร์ที จำกัด ในเครือ เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการร้านอาหารภายใต้แบรนด์ “ซิซซ์เล่อร์” เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ผู้บริโภคในยุคปัจจุบันหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพมากขึ้น ทำให้ธุรกิจร้านอาหารต้องตามเทรนด์ให้ทัน และหันมาให้ความสำคัญกับสินค้าหรือเมนูที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น ซึ่งอาหารแพลนต์เบส ถือเป็นทางเลือกสำหรับผู้บริโภคที่ต้องการดูแลสุขภาพ
โดยช่วงปีที่ผ่านมา ซิซซ์เล่อร์เองก็ได้มีการเปิดตัวเมนู ที่เป็นแพลนต์เบส เข้ามาทำตลาดประมาณ 2-3 เมนู เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าที่รับประทานเมนูแพลนต์เบส ได้แก่ ออมนิ มีต ลาบทอด, สเต๊ก บียอน กัวโมเล่และซัลซ่าและในปีนี้จะเพิ่มเมนูแพลนต์เบสอีก 2-3 เมนู เพื่อให้มีหลากหลายมากขึ้น
“จริงๆ กระแสการดูแลสุขภาพมีมานานแล้ว แต่ช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อาจมีส่วนเป็นตัวกระตุ้นให้ผู้บริโภคตระหนักถึงการใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ทั้งการเลือกวัตถุดิบ ตลอดจนดูเรื่องของความสะอาด ถูกสุขอนามัยมากยิ่งขึ้นในการรับประทานอาหาร ซึ่งหากร้านอาหารไหนที่มีเมนูที่ตอบโจทย์ความต้องการสำหรับกลุ่มคนรักสุขภาพก็จะได้เปรียบ ซึ่งซิซซ์เล่อร์เอง พร้อมรองรับลูกค้ากลุ่มนี้อยู่แล้ว ด้วยเมนูที่มีประกอบกับเอกลักษณ์และสไตล์ของความเป็นซิซซ์เล่อร์ ทำให้ผู้บริโภคเชื่อมั่น
โดยเพิ่มเมนูแพลนต์เบสเป็นเมนูประจำร้านและปรับกลยุทธ์ไปโฟกัสเรื่องเฮลท์ติเนสต่างๆ มากขึ้น ขณะเดียวกันก็มีการพัฒนาเมนูใหม่ๆ เข้ามาเสริมทัพเพื่อเพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภค รวมทั้งได้ปรับรสชาติให้เข้มข้นและอร่อยยิ่งขึ้น เช่นกลุ่มเมนูที่เป็นของทานเล่น จากเดิมที่มีเฉพาะประเภทอาหารจานหลัก ซึ่งก็ได้รับการตอบรับดี
ประกอบกับแพลนต์เบสเป็นตลาดที่มีศักยภาพมาก นอกจากกลุ่มที่มาทานซิซซซ์เล่อร์จะเป็นกลุ่มลูกค้าประจำแล้ว ยังสังเกตว่ากลุ่มลูกค้าใหม่หรือลูกค้าทั่วไปก็เริ่มหันมาทดลองทานเมนูแพลนต์เบสมากขึ้น คาดว่าฐานลูกค้าเดิมจะยังเหนียวแน่น ในขณะที่ลูกค้าใหม่ก็จะมีเพิ่มขึ้นแน่นอน”
อย่างไรก็ตามในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ร้านอาหารประสบกับภาวะต้นทุนวัตถุดิบ ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนเมนูแพลนต์เบสสูงขึ้นตามไปด้วย ซิซซ์เล่อร์เองก็ได้ปรับกลยุทธ์อยู่ตลอด โดยได้ปรับลดราคาเมนูแพลนต์เบสเหลือ 299-399 บาท เพื่อให้เป็นเมนูที่ผู้บริโภคเข้าถึงง่ายมากขึ้น สำหรับราคาต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น ยังคงเป็นไปตามกลไกตลาด อาจมีกระทบบ้างจากสถานการณ์โควิด
“เป็นเรื่องที่ทางแบรนด์ยังคงต้องดูปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ประกอบกันว่าจะเป็นไปในทิศทางใดในอนาคต โดยเบื้องต้นได้ปรับราคาเมนูปกติขึ้น 6% หลังจากที่พยายามตรึงราคามาตลอด 3-4 เดือนเนื่องจากราคาวัตถุดิบปรับตัวสูงขึ้นมาก ผักบางชนิดราคาขึ้น 2 เท่า ขณะที่วัตถุดิบเดลี่โปรดักซ์เช่นหมู ไก่ ปลา นม เนย ราคาปรับสูงขึ้นทั้งหมด”
ทั้งนี้ผลประกอบการใน2 เดือนที่ผ่านมาของซิซซ์เล่อร์ ถือว่ามีการเติบโตที่ดีกว่าปีที่แล้ว ตัวเลขรายได้และยอดขายแม้จะยังกลับมาไม่เท่าเดิมกับช่วงก่อนโควิดแต่ก็เติบโตขึ้น 44% จากเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว โดยในปีนี้จะเริ่มทยอยรีโนเวทร้านให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่มากขึ้นไปพร้อมๆ กับขยายสาขาเพิ่มต่อเนื่อง 4-5 แห่งในปีนี้ หลังจากในปีที่ผ่านมา ซิซซ์เล่อร์ปิดให้บริการร้านสาขาบนโลเคชั่นที่ไม่มีทราฟิกไปค่อนข้างมาก
หน้า 16 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 ฉบับที่ 3,773 วันที่ 10 - 13 เมษายน พ.ศ. 2565