นายเสถียร เศรษฐสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า เพื่อช่วยเหลือผู้บริโภคในสถานการณ์ค่าครองชีพสูง จากสถานการณ์ที่สินค้าและค่าบริการต่างๆ มีการปรับราคาขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา บริษัทได้แสดงจุดยืนโดยประกาศตรึงราคาเครื่องดื่มชูกำลัง “คาราบาวแดง” ในราคา 10 บาทเท่าเดิม ผ่านแคมเปญ “คาราบาวแดง เครื่องดื่มระดับโลก ช่วยคนไทย ลดค่าครองชีพ 10 บาทเท่าเดิม” เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค
รวมทั้งจัดแคมเปญ “บาวแดง แจกมอเตอร์ไซค์ 500 คัน” โปรโมชั่นใหญ่สุดของปีนี้ เพื่อคืนกำไรและกระตุ้นการจับจ่ายเพียงส่งฝาเครื่องดื่มคาราบาวแดง หรือวู้ดดี้ ซี+ล็อค เขียนคำว่า “วิตามิน บี 12” พร้อมชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ และเบอร์โทรติดต่อใส่ใต้ฝา นำฝาขวดไปหย่อนลงในกล่องรับฝาชิงโชค ที่ร้านซีเจ ซูเปอร์มาร์เก็ต ทุกสาขา, ร้านถูกดีมีมาตรฐาน และร้านค้าที่ร่วมรายการตั้งแต่วันที่ 8 เม.ย.-4 ก.พ. 2566 โดยจับรางวัลทุกเดือน เดือนละ 50 คันเริ่มตั้งแต่เดือนพ.ค. เป็นต้นไป
“คาดหวังว่าการจัดโปรโมชั่น บาวแดง แจกมอเตอร์ไซค์ 500 คัน ในครั้งนี้จะช่วยสร้างความคึกคักให้ร้านค้าในเครือทั่วประเทศ เพราะนอกจากแคมเปญลุ้นโชคและตรึงราคาแล้ว เพื่อสร้างกระแสให้ผู้บริโภครับรู้ในวงกว้าง บริษัทยังได้ส่งทีมงาน รวมถึงสาวบาวแดง ลงพื้นที่เข้าไปช่วยจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายให้กับร้านค้าทั่วประเทศ ตลอดจนลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์โปรโมชั่นนี้ เพื่อตอกย้ำเป้าหมายหลัก คาราบาวแดงในราคา 10 บาทเท่าเดิม ช่วยคนไทยลดค่าครองชีพ และต่อยอดให้คนไทยสร้างอาชีพอีกด้วย”
อย่างไรก็ดีด้วยสภาพตลาดเครื่องดื่มชูกำลังที่ค่อนข้างถึงจุดอิ่มตัว บริษัทจึงต้องหันไปหาการเติบโตจากสินค้ากลุ่มอื่นแทน โดยในปีนี้บริษัทมีแผนออกสินค้าอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง อาทิ สินค้าในกลุ่มกัญชง กัญชาที่ผสมสารสกัด CBD โดยจะเห็นผลิตภัณฑ์ใหม่ 3 รายการในกลุ่มซอฟท์ดริ้งก์ และฟังก์ชันนอลดริ้งก์ ซึ่งคาดว่าจะออกจำหน่ายได้ในไตรมาส 2/2565
นอกจากนี้จากสถานการณ์เศรษฐกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ส่งสัญญาณฟื้นตัว จากสถานการณ์โควิด-19 ที่มีทิศทางที่ดีขึ้น ในปีนี้บริษัทจึงตั้งเป้ายอดขายเติบโตขึ้น 30-40% จากปีก่อน จากปัจจัยหนุนของกลุ่มสินค้าแอลกอฮอล์ทั้ง 2 แบรนด์ได้แก่ข้าวหอมและโซจูแทยัง ที่คาดว่าจะมียอดขายที่สูงกว่า 50% ถือเป็นกลุ่มสินค้าที่สามารถทำยอดขายเติบโตได้สูงมาอย่างต่อเนื่อง
โดยคาดว่าในช่วงครึ่งปีแรกยอดขายของกลุ่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะเติบโตได้ราว 100% และในช่วงครึ่งปีหลังจะมีการออกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ใหม่ออกมาเพิ่มเติมอีก ส่วนเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ (Non-Alcohol) เช่น เครื่องดื่มคาราบาว คาดว่าจะเติบโตได้ 20%
สำหรับตลาดต่างประเทศนั้นพบว่าในเมียนมา เวียดนาม อังกฤษมีการเติบโตและมีส่วนแบ่งการตลาดที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะในจีน ที่คาดว่าจะกลับมาเติบโต 50-60% หลังจากที่ได้ปรับกลยุทธ์ธุรกิจและหันมาเจาะตลาดนอกเขตเมืองเพื่อสร้างการเติบโต ขณะที่สปป.ลาวและกัมพูชาคาดว่าจะทยอยฟื้นตัวขึ้น
“บริษัทปรับกลยุทธ์ในตลาดจีนและอังกฤษ โดยในอังกฤษได้เปลี่ยนมาใช้โรงงานรับจ้างผลิต (OEM) ในฮอลแลนด์เป็นฐานในการเจาะธุรกิจในอังกฤษเพื่อลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ โดยคาดว่าธุรกิจในอังกฤษจะฟื้นตัวขึ้น 50-60% ภายในปีนี้ ส่วนการส่งออกไปยังเมียนมาและกัมพูชา น่าจะฟื้นตัวได้อย่างช้าๆ และไม่ง่ายที่จะสร้างการเติบโตให้ได้ถึงสองหลัก อย่างไรก็ดีในปีนี้บริษัทจะขยายตลาดไปยังประเทศอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ ซึ่งปัจจุบันได้พันธมิตรแล้ว”
ทั้งนี้ในปีนี้บริษัทจะใช้งบลงทุนราว 600 ล้านบาทเช่นเดียวกับปีก่อนๆ โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาการซื้อกิจการ (M&A) ที่มีโอกาสต่อยอดการเติบโต ซึ่งล่าสุดบริษัทก็ได้มีการขออนุมัติวงเงินการออกหุ้นกู้ 5 พันล้านบาท เพื่อรองรับการเติบโตทั้งจากการเติบโตภายในและภายนอก เพราะบริษัทไม่ได้เน้นการเติบโต แต่เฉพาะตลาดเครื่องดื่มชูกำลัง เพราะยังมีโอกาสเติบโตทั้งในส่วน Food และ Non-Food
ปัจจุบันคาราบาวแดงมีส่วนแบ่งตลาดในตลาดเครื่องดื่มชูกำลังราว 20.7% ขณะที่ในปี 2563 มีส่วนแบ่ง 21.4% และปี 2562 มีส่วนแบ่ง 22.6%
หน้า 16 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 ฉบับที่ 3,774 วันที่ 14 - 16 เมษายน พ.ศ. 2565