“คุณแม่อุ๋ย-วิภาวรรณ” และ “น้องริน-ศรินญา มหาดำรงค์กุล” แม่ทัพคนสำคัญของ โรงแรมสวิสโซเทล เลอ คองคอร์ด และเรเนซองส์ พัทยา รวมถึง บริษัท ศรีทองพาณิชย์ จำกัด ผู้นำเข้านาฬิกาแบรนด์ชั้นนำระดับโลก
ขณะที่โลกกำลังเปลี่ยนแปลง ผู้บริหารไม่ว่าจะเจนเก่าหรือเจนใหม่ ล้วนมีศักยภาพและความสำคัญ ในการนำพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จได้ ด้วยหลักแห่งความเข้าใจ และการสื่อสารที่ชัดเจน
“คุณอุ๋ย-วิภาวรรณ” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศรีทองพาณิชย์ จำกัด และ “น้องริน” ผู้บริหารเจน 3 ยอมรับว่า คลื่นยักษ์โควิด-19 ถือเป็นคลื่นที่สร้างผลกระทบหนักหน่วงมาก เพราะกินระยะเวลายาวนาน และกระทบกันไปทั่วโลก ในธุรกิจนาฬิกาทำให้ยอดขายร่วงไปถึง 40%
ขณะที่ธุรกิจโรงแรมปี 2564 ยอดหดหายไป 30% เนื่องจากปีที่แล้วเป็นปีที่มีการล็อกดาวน์ถึง 3 ครั้ง ปิดๆ เปิดๆ จนนักท่องเที่ยวขาดความมั่นใจว่า มาแล้วโรงแรมจะเปิดให้บริการหรือเปล่า แต่ขณะนี้ ทุกอย่างเริ่มขยับตัวดีขึ้นตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว
“ธุรกิจของเราต้องปรับตัวหมด นาฬิกากระทบเยอะกว่า คนใช้จ่ายระวังตัวเยอะขึ้น แต่เราก็พยายามปรับตัว กิจกรรมการตลาดอะไรที่ทำได้ก็รีบทำ เราไม่อยากหยุด เพราะมันจะยิ่งไม่ช่วยอะไรเลย” ผู้บริหารเจน 3 อธิบาย
“30 ปี ที่ทำธุรกิจมา เราไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อน มันทำให้ได้บทเรียนว่า...จากนี้ไป ทุกอย่างต้องปรับตัวให้เร็ว และต้องคิดเผื่อไว้ ทั้งภัยธรรมชาติ โรคภัย โรคติดต่อ ซึ่งในอดีตเราไม่เคยคิดมาก่อน” ผู้บริหารเจน 2 กล่าวเสริม
เมื่อถามถึงการปรับตัว สำหรับธุรกิจนาฬิกา ซึ่งได้รับผลกระทบหนัก ผู้บริหารทั้ง 2 ท่าน บอกว่า เรื่องการตลาดต้องปรับตัวมาก ต้องตั้งแผนกอีคอมเมิร์ซขึ้นมาทำหน้าที่ดูแลตลาดออนไลน์ชัดเจน ในขณะที่บริษัทเจ้าของนาฬิกา ก็ช่วยเสริมด้วย Tools สารพัดรูปแบบ ทั้งคอนเทนต์ และแพลตฟอร์มการขาย เพื่อรองรับการทำตลาดรูปแบบใหม่
ส่วนของพนักงานขาย ต้องปรับตัว ในขณะที่องค์กรก็เสริมด้วยทักษะด้านการทำตลาดรูปแบบใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านดิจิทัล ที่ต้องสื่อสารกับลูกค้าได้อย่างต่อเนื่องไม่มีอุปสรรค แม้จะไปพบหน้ากันไม่ได้ ซึ่งเชื่อว่า เมื่อตลาดเริ่มกลับเข้าสู่โหมดค้าขายเต็มตัว ทีมขายของศรีทองพาณิชย์ก็พร้อมเดินหน้าลุยได้เต็มที่ด้วยเช่นกัน
สำหรับธุรกิจโรงแรม ที่ต้องปรับตัวอย่างมากคือ เรื่องของสุขอนามัย ความสะอาด เพราะเป็นสิ่งที่ลูกค้าต้องการมากเป็นพิเศษ รวมถึงกลุ่มลูกค้าที่เปลี่ยนไปจากต่างชาติ กลายเป็นกลุ่มคนไทยมากขึ้น เพราะฉะนั้น บริการทุกอย่างต้องปรับ เพื่อสอดรับกับกลุ่มลูกค้า ทั้งเรื่องของอาหาร และอื่นๆ รวมถึงช่องทีวีที่มีไว้บริการ ก็เน้นเป็นช่องทีวีไทยมากขึ้น
แน่นอน การปรับเปลี่ยน ทำให้ต้นทุนการบริหารเพิ่มสูงขึ้น และด้วยความที่เป็นเครือแมริออท อย่าง
โรงแรมเรเนซองส์ พัทยา มาตรฐานทุกอย่างก็ต้องได้ตามเกณฑ์ที่เขากำหนดไว้ แต่ก็ถือเป็นข้อดี เพราะเมื่อแมริออท ทำแคมเปญการตลาด ก็จะพ่วงโรงแรมในเครือไปด้วยทั้งหมด ซึ่งที่ผ่านมา โรงแรมเรเนซองส์ พัทยา ถือว่าประสบความสำเร็จมาก และไม่เคยปิดบริการเลย ยิ่งเมื่อทุกอย่างเริ่มฟื้นตัว ไม่ว่าจะเป็นห้องพัก หรือห้องจัดเลี้ยง ตอนนี้ก็มีลูกค้าเข้าใช้บริการต่อเนื่อง
สองผู้บริหาร บอกว่า แผนธุรกิจนับจากนี้ นอกจากการปรับตัวอย่างรวดเร็ว อัพสกิล-รีสกิลพนักงาน สื่อสาร และทำความเข้าใจกับพนักงานให้ชัดเจน ทำให้พนักงานมีความสุข รวมถึงการให้ความสำคัญกับการคิดเผื่อ ต้องมีแผนสำรองรองรับ หากสถานการณ์ไม่แน่นอน โดยดำเนินธุรกิจแบบช้าๆ...ช้าแต่ชัวร์ คือเพราะขณะนี้ ยังรู้ว่า ปีหน้าจะเป็นอย่างไร ที่แน่ๆ ครึ่งปีหลังปีนี้ คิดว่าทุกอย่างจะกลับมาใกล้เคียงเดิมก่อนโควิด -19
สำหรับ “คุณอุ๋ย” เธอบอกว่า ขณะนี้เตรียมรีไทร์ตัวเอง ให้รุ่นลูกขึ้นมาทำหน้าที่บริหาร โดยเธอจะทำหน้าที่ให้คำปรึกษา และช่วยตัดสินใจ ซึ่งฝ่าย “คุณริน” บอกว่า คุณแม่เป็นคนแอคทีฟ การรีไทร์ไปนั่งเฉยๆ คงยาก แต่จากการร่วมทำงานกับคุณแม่อย่างใกล้ชิดมา 4-5 ปี ก็ทำให้ค่อนข้างรู้ใจ และเมื่อผ่านพ้นวิกฤติโควิด-19 ครั้งนี้ไปได้ เธอเชื่อว่าทุกอย่างจะดีขึ้นแน่นอน ทั้งบทเรียนที่ได้รับ และการปรับตัวจะทำให้ทุกอย่างฟื้นตัว
โดยเฉพาะในธุรกิจโรงแรม เมื่อโควิดแผ่วลง คนจะเที่ยวเยอะขึ้น ตอนนี้คนต่างชาติอั้นมาก อยากมาเมืองไทย โดยเฉพาะยุโรป เขาอยากมาเที่ยวเมืองไทยมาก
หน้า 17 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 ฉบับที่ 3,778 วันที่ 28 - 30 เมษายน พ.ศ. 2565