จากกะแสข่าวดราม่าซึ่งนาย ชัยชาญ ถาวรเวช อธิการบดีมหาวิทยาลัยศิลปากรได้ลงภาพและข้อความที่ไม่เหมาะสมในสื่อสังคมออนไลน์ จนเกิดกะแสวิพากวิจารณ์ถึงความเหมาะสม
ล่าสุดนายชัยชาญ ถาวรเวช ได้ทำบันทึก ขอลาออกจากตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยโดยระบุว่า“ตามที่กระผมได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยศิลปากร ตั้งแต่วันที่ 26 กันยายน 2562 เป็นต้นมา นั้น
บัดนี้ กระผมได้ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยศิลปากรมาแล้วเป็นระยะเวลา 2 ปีเศษ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมากระผมและทีมผู้บริหารมีความมุ่งมั่นตั้งใจและทุ่มเทเวลาให้กับการบริหารงานมหาวิทยาลัยศิลปากรอย่างเต็มกำลังความสามารถ ยึดถือหลักธรรมาภิบาล และมีผลงานที่กระผมและทีมผู้บริหารได้ริเริ่มและดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่อง แต่ยังคงมีภาระงานที่ต้องดำเนินการตามพันธกิจของมหาวิทยาลัย ซึ่งจำเป็นต้องมีผู้บริหารมาขับเคลื่อนและสานต่อการกิจเพื่อให้กิจการของมหาวิทยาลัยได้ดำเนินไปด้วยความเรียบร้อยและต่อเนื่อง
อย่างไรก็ดี ด้วยขณะนี้ มีกระแสข่าวว่ากระผมได้ลงภาพและข้อความที่ไม่เหมาะสมในสื่อสังคมออนไลน์ กระผมขอน้อมรับว่าได้กระทำการดังกล่าวจริง แต่มิได้มีเจตนาที่จะสร้างความเสียหายหรือก่อให้เกิดภาพลักษณ์ที่ไม่สมควร
อย่างไรก็ตาม กระแสข่าวดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของมหาวิทยาลัยศิลปากรซึ่งเป็นองค์กรที่กระผมทำหน้าที่ในตำแหน่งอธิการบดี ดังนั้น เพื่อให้รักษาไว้ซึ่งภาพลักษณ์ที่ดีของมหาวิทยาลัยศิลปากรต่อไป และเพื่อเป็นการดีต่อทุกฝ่าย กระผมจึงขอแสดงความรับผิดชอบ โดยการลาออกจากตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยศิลปากร โดยพร้อมที่จะลาออกในทันทีหรือเมื่อสภามหาวิทยาลัย ได้แต่งตั้งผู้รักษาการแทนอธิการบดีได้แล้ว
สำหรับกะแสดราม่าดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อ นายชัยชาญ ถาวรเวช อธิการบดีมหาวิทยาลัยศิลปากร (มศก.) โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว เป็นภาพแอร์โฮสเตสขณะปฎิบัติหน้าที่บนเครื่องบิน พร้อมข้อความส่อเสียดในทางคุกคามทางเพศ ทำให้สังคมออนไลน์ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสม ภายหลังนายชัยชาญออกมายืนยันว่า ไม่มีเจตนาคุกคามทางเพศ เป็นการถ่ายรูปตามปกติ
ต่อมาเมื่อวันที่ 30 เมษายน เครือข่ายองค์กรด้านผู้หญิงและความเป็นธรรมทางเพศ 21 องค์กร ทำหนังสือเปิดผนึกถึงนายกและกรรมการสภามหาวิทยาลัยศิลปากร และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ขอให้การดำเนินการด้านจริยธรรมกับอธิการบดีมหาวิทยาลัยศิลปากร กรณีคุกคามทางเพศ
โดยหนังสือเปิดผนึกมีข้อความว่า เครือข่ายองค์กรด้านผู้หญิงและความเป็นธรรมทางเพศ ขอประณามพฤติกรรมของอธิการบดีคนดังกล่าว เนื่องจากพฤติกรรมการแอบถ่ายและเผยแพร่ภาพบุคคลอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมทั้งโพสต์ข้อความในลักษณะส่อนัยทางเพศตามที่ตกเป็นข่าวเข้าข่ายเป็น การคุกคามทางเพศ ซึ่งหมายถึง พฤติกรรมการแสดงออกใดๆ ที่บุคคลหนึ่งกระทำต่ออีกบุคคลหนึ่ง ที่มีนัยทางเพศ
โดยบุคคลที่ตกเป็นเป้าของพฤติกรรมนั้นไม่ได้ยินดีหรือยินยอม ส่งผลให้ผู้ที่ตกเป็นเป้าของการกระทำรู้สึกอึดอัด ไม่พอใจ รู้สึกถูกคุกคามและไม่ปลอดภัย และรวมถึงพฤติกรรมที่เป็นการปฏิบัติเสมือนบุคคลอื่นเป็นวัตถุทางเพศด้วย พฤติกรรมเช่นนี้ ไม่เพียงแต่เป็นการคุกคามทางเพศและละเมิดต่อสิทธิความเป็นส่วนตัวของพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินเป็นรายบุคคลเท่านั้น แต่ยังเป็นการละเมิดศักดิ์ศรีของผู้ประกอบอาชีพพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินโดยรวมด้วย
ในฐานะที่นายชัยชาญ ถาวรเวช มีตำแหน่งทางราชการระดับสูง เป็นผู้บริหารสูงสุดของสถาบันอุดมศึกษา ซึ่งพึงมีบทบาทเป็นผู้นำทางปัญญาของสังคม แต่กลับมีพฤติกรรมที่สะท้อนถึงมาตรฐานจริยธรรมทางเพศที่ตกต่ำ ถือเป็นแบบอย่างที่ไม่ดี ทั้งกับบุคลากรในสังกัดมหาวิทยาลัยและสาธารณชน ประกอบกับการที่นายชัยชาญออกมาชี้แจงผ่านสื่อมวลชนถึงการกระทำของตนเองในลักษณะที่เป็นการแก้ต่างแบบขอไปที ตามข้อความที่ปรากฏในสื่อมวลชนนั้น ยังไม่ถือเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อการกระทำผิดของตนเองอย่างเพียงพอ
สภามหาวิทยาลัยศิลปากร และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ในฐานะหน่วยงานที่กำกับดูแลการปฏิบัติงานของผู้บริหารมหาวิทยาลัย จึงต้องไม่เพิกเฉยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะการเพิกเฉยไม่ดำเนินการใดๆ จะเท่ากับเป็นการยอมรับและสนับสนุนให้ปัญหาการคุกคามทางเพศยังดำรงอยู่ในสังคมต่อไป
เครือข่ายองค์กรด้านผู้หญิงและความเป็นธรรมทางเพศ ขอเรียกร้องให้นายกสภามหาวิทยาลัยและกรรมการสภามหาวิทยาลัยศิลปากร รวมถึงกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ดำเนินการให้มีการสอบสวนและลงโทษอธิการบดีของมหาวิทยาลัย จากการแสดงพฤติกรรมการคุกคามทางเพศที่สะท้อนถึงมาตรฐานจริยธรรมที่ตกต่ำดังกล่าว โดยให้มีการดำเนินการโดยทันที ไม่ทอดเวลาชักช้า และชี้แจงผลการดำเนินการให้สาธารณชนรับทราบเป็นระยะด้วย เพื่อยืนยันให้สังคมมั่นใจว่า สภามหาวิทยาลัยศิลปากรไม่ได้ยอมรับพฤติกรรมการคุกคามทางเพศของผู้บริหารมหาวิทยาลัยดังกล่าว