หลังสถานการณ์โควิด-19 เข้าสู่ช่วงขาลง ทำให้ประชาชนเริ่มคลายกังวล และกล้าที่จะกลับมาใช้ชีวิตแบบปกติมากยิ่งขึ้น ประกอบกับการที่ภาครัฐออกนโยบายการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ ด้วยการยกเลิกระบบ Test & Go และเตรียมประกาศให้โควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น (Endemic) ในวันที่ 1 กรกฎาคมที่จะถึงนี้
ถือเป็นสัญญาณบวกที่เรียกคืนความเชื่อมั่น และทำให้เศรษฐกิจไทยกลับมาคึกคัก ภาคธุรกิจขยับตัวเดินหน้าลงทุน รวมถึงกลุ่มค้าปลีกที่ปรับแผนรองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่กำลังจะกลับเข้ามา รวมถึง "เซ็นทรัล รีเทล"”ด้วยที่ล่าสุดประกาศร่วมผลักดันเศรษฐกิจไทยให้พลิกฟื้นและกลับมาแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม
นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC กล่าวว่า เซ็นทรัล รีเทลมีการเติบโตแบบ V-shape ตั้งแต่ไตรมาส 4 ของปีก่อน และยังคงโตต่อเนื่องจนถึงไตรมาส 1 ของปีนี้อย่างก้าวกระโดด ซึ่งยังมีโมเมนตั้มที่ดีมาจนถึงไตรมาสที่ 2
ทำให้มั่นใจว่า ภาพรวมการเติบโตของธุรกิจเซ็นทรัล รีเทล ในปี 2565 จะทะลุเป้า 15% ตามที่ได้วางไว้ ด้วยงบลงทุนกว่า 18,000 – 20,000 ล้านบาท โดยในปีนี้มีแผนที่จะเปิดศูนย์การค้าโรบินสัน ไลฟ์สไตล์ ทั้งหมด 3 แห่ง รวมถึงเพิ่มร้านค้า และเปิดตัวธุรกิจรูปแบบใหม่ๆ ทุกไตรมาส ซึ่งจะก่อให้เกิดการจ้างงานเพิ่มอีกหลายพันตำแหน่ง
“แรงหนุนจากการเปิดประเทศจะยิ่งเป็นผลดีต่อการเติบโตของเซ็นทรัล รีเทล มากขึ้นไปอีก โดยเห็นได้จากในช่วงวันหยุดยาวหลายช่วงที่ผ่านมา ยอดขายและทราฟฟิกของเซ็นทรัล รีเทล ทุกกลุ่มธุรกิจเพิ่มขึ้นอย่างมากในทุกช่องทาง ทั้งออฟไลน์ ออนไลน์ และออมนิแชแนล”
บทพิสูจน์ความสำเร็จของแพลตฟอร์มออมนิแชแนลของเซ็นทรัล รีเทล ที่สามารถตอบโจทย์และตอบรับลูกค้าได้ทุกช่องทางในเวลาเดียวกัน โดยเราได้มีการปรับฐานลูกค้าให้เปลี่ยนจากช้อปปิ้ง Single Channel มาเป็นลูกค้า Omnichannel ทำให้ปัจจุบันเรามีฐานลูกค้าที่เป็น Omni Customer หลายล้านคน
โดยสร้างความพึงพอใจและประสบการณ์ช้อปปิ้งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า จากนี้ เซ็นทรัล รีเทล จะยังคงมุ่งมั่นเดินหน้ากลยุทธ์หลัก CRC Retailligence อย่างเต็มที่ ซึ่งประกอบด้วย
1. Reinvent Next-Gen Omni Retail – ยกระดับแพลตฟอร์มออมนิแชแนลโดยใช้เทคโนโลยีและดิจิทัลใหม่ ๆ ในทุกกลุ่มธุรกิจ
2. Accelerate Core Leadership – เร่งการขับเคลื่อนและสร้างการเติบโตในกลุ่มธุรกิจหลัก ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
3. Build New Growth Pillars – เดินหน้าสร้างธุรกิจใหม่ๆ ที่เป็นไปตามเทรนด์ของโลกและความต้องการของผู้บริโภค
4. Drive Partnership, Acquisition and Spin Off –ขยายธุรกิจภายใต้แนวคิด Inclusive Growth สร้างความสำเร็จร่วมกันกับพาร์ทเนอร์เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน
ปัจจุบันเซ็นทรัล รีเทล มีธุรกิจทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยเป็นผู้นำในประเทศอิตาลีและเป็นหนึ่งในผู้นำในประเทศเวียดนาม เครือข่ายร้านค้าภายใต้แบรนด์ค้าปลีก 3,599 ร้านค้า (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564) อาทิ ห้างสรรพสินค้า, ร้านสะดวกซื้อ, ร้านขายสินค้าเฉพาะทาง, ซูเปอร์มาร์เก็ต, ไฮเปอร์มาร์เก็ต, พลาซ่า และการจำหน่ายสินค้าออนไลน์บนแพลตฟอร์ม Omnichannel
โดยธุรกิจของเซ็นทรัล รีเทล ครอบคลุมทั้งหมด 4 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่
1. กลุ่มฮาร์ดไลน์ ซึ่งมุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าตกแต่งและปรับปรุงบ้าน สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องเขียนและอุปกรณ์สำนักงาน หนังสือ และ e-Book ภายใต้แบรนด์ค้าปลีกต่าง ๆ เช่น ไทวัสดุ บ้าน แอนด์ บียอนด์ / บีเอ็นบี โฮม เพาเวอร์บาย ออฟฟิศเมท บีทูเอส เมพ และเหงียนคิม
2. กลุ่มฟู้ด ซึ่งมุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าอุปโภค-บริโภค และสินค้าที่มักพบได้ทั่วไปในร้านสะดวกซื้อภายใต้แบรนด์ค้าปลีกต่าง ๆ เช่น เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ ท็อปส์ แฟมิลี่มาร์ท บิ๊กซี / GO! ลานชี มาร์ท ท็อปส์ มาร์เก็ต เวียดนาม และ มินิ โก (go!)
3. กลุ่มแฟชั่น ซึ่งมุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับภายใต้แบรนด์ค้าปลีกต่าง ๆ เช่น ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ห้างสรรพสินค้ารีนาเชนเต ซูเปอร์สปอร์ต และ เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป
4. กลุ่มพร็อพเพอร์ตี้ ซึ่งมุ่งเน้นการให้เช่าพื้นที่สำหรับร้านค้าของกลุ่มบริษัทฯ และร้านค้าและบริการของบุคคลภายนอก เช่น โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ เซ็นเตอร์ ท็อปส์ พลาซ่า และ บิ๊กซี / GO! เวียดนาม โดย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564 เซ็นทรัล รีเทล ดำเนินธุรกิจใน 3 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย ทั้งหมด 57 จังหวัด, ประเทศเวียดนาม ทั้งหมด 40 จังหวัด, และประเทศอิตาลี ในเมืองหลักๆ ทั่วประเทศ