6 สัญญาณเตือน “สโตรค” โรคหลอดเลือดสมอง

06 พ.ค. 2565 | 12:39 น.
อัปเดตล่าสุด :06 พ.ค. 2565 | 19:40 น.

“สโตรค” หรือ โรคหลอดเลือดสมอง ภัยเงียบที่เกิดได้กับทุกคน กับ 6 สัญญาณเตือน ก่อนเข้าสู่ภาวะตีบ แตก ตัน พร้อมแผนฟื้นฟูด้วยศาสตร์ของญี่ปุ่นไคโกโดะ Kaigo-do

ข้อมูลอัตราการเสียชีวิตด้วยโรคหลอดเลือดสมองในประเทศไทยมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และทุกกลุ่มอายุ โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ซึ่งมีปัจจัยเสี่ยงสำคัญจาก ภาวะความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน อายุที่มากขึ้น การสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์ ฯลฯ

 

อาการเตือนสำคัญ ได้แก่ พูดลำบาก ปากเบี้ยว แขนขาอ่อนแรง มึนงง ทรงตัวไม่อยู่ ฯลฯ หากมีอาการเหล่านี้ทันทีทันใดควรรีบไปพบแพทย์ให้เร็วที่สุด โรคหลอดเลือดสมอง “รู้ เร็ว รอด ปลอดอัมพาต”

 

รอ.นพ.สุรชา ลีลายุทธการ แพทย์เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์ป้องกัน ในฐานะ Co-Ordinator ศูนย์ PNKG Recovery Center and Elder Care ในเครือพริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ กล่าวว่า ผู้ป่วยโรคเส้นเลือดสมอง ที่ประสบภาวะ “ตีบ แตก หรือตัน” ถือเป็นอีกหนึ่งภัยเงียบที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตผู้ป่วยในระยะยาว หรืออาจเป็นผลให้เกิดการเสียชีวิตได้หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องและทันท่วงที

ภาวะโรคเส้นเลือดสมอง

ดังนั้นการเรียนรู้และสังเกตอาการที่อาจบ่งบอกถึงสัญญาณโรคหลอดเลือดสมอง จึงเป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผู้สูงอายุ หรือบุคคลทั่วไปที่จำเป็นต้องดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งสามารถสังเกตได้จากหลัก BE FAST ที่เป็นหลักที่เข้าใจง่าย ได้แก่

B – BALANCE: สูญเสียการทรงตัว

E – EYE: มองเห็นภาพซ้อน ภาพเบลอ หรือสูญเสียการมองเห็น

F – FACE: ใบหน้าอ่อนแรง มีอาการชา หรือปากเบี้ยว

A – ARM: แขนขาอ่อนแรง หรือมีอาการชาครึ่งซีก

S – SPEECH: พูดไม่ชัด พูดลำบาก พูดไม่ได้ หรือพูดไม่เข้าใจ

T – TIME: เวลาเป็นสิ่งสำคัญ

 

หากมีอาการดังที่กล่าวมา ควรรีบไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล หรือโทรเรียกรถฉุกเฉิน (1669) ทันที เพื่อลดความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นจากตัวโรคได้ ทั้งนี้ผู้ป่วยที่ประสบภาวะโรคหลอดเลือดในสมอง มีความจำเป็นที่จะต้องทำการฟื้นฟูร่างกายโดยเฉพาะในระยะฟื้นฟูในช่วงแรกถือว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่ง

 

ทั้งในด้านการออกกำลังกายเพื้อสร้างความแข็งแรงของระบบกล้ามเนื้อ การฝึกฝนการรับรู้ความเข้าใจ การดูแลภาวะโภชนาการและการรับประทานอาหารสำหรับผู้ป่วย ตลอดจนการปรับใช้ความสามารถที่มีต่อกิจวัตรประจำวันพื้นฐานที่จำเป็น เพื่อกระตุ้นให้ผู้ป่วยฟื้นฟูตนเองได้อย่างรวดเร็วถือด้วยออกแบบแผนการดูแลและฟื้นฟูผู้ป่วยแบบองค์รวมโดยทีมสหวิชาชีพ

  ภาวะโรคเส้นเลือดสมอง        

สำหรับ ศูนย์ PNKG Recovery Center and Elder Care ตั้งอยู่ที่ โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ ซึ่งจัดตั้งขึ้นด้วยความร่วมมือระหว่างโรงพยาบาลในเครือพริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ (PRINC) และ Nihon Keiei Group (NK Group) ผู้ให้บริการด้านสาธารณสุขแบบครบวงจรจากประเทศญี่ปุ่น

 

ถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อจุดประสงค์ที่ต้องการให้บริการด้านการฟื้นฟูอย่างเข้มข้นตามศาสตร์ของญี่ปุ่นที่เรียกว่า ไคโกโดะ Kaigo-do ด้วยมาตรฐานการรักษาทางการแพทย์ของเครือพริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ (PRINC) ให้แก่ผู้ป่วยที่มีความจำเป็นต่อการฟื้นฟูสมรรถภาพทางร่างกาย เช่น โรคพาร์กินสัน โรคหลอดเลือดในสมอง ภาวะความจำเสื่อม ผู้ป่วยหลังผ่าตัดเปลี่ยนข้อต่อ ผู้ป่วยติดเตียงที่ไม่สามารถดูแลตัวเองได้ เป็นต้น

 

กระบวนการดูแลโดยศูนย์ PNKG Recovery Center and Elder Care จะเริ่มต้นด้วยการซักประวัติพร้อมทั้งภูมิหลังของผู้ป่วย ก่อนจะทำการตรวจประเมินอย่างละเอียด สรุปปัญหาและออกแบบแผนการฟื้นฟูเป็นรายบุคคล ตั้งเป้าหมายการรักษาตามความต้องการของผู้ป่วยและครอบครัว พร้อมทั้งประเมินติดตามผลการฟื้นฟูตามระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งระยะเวลาการฟื้นฟูอาจแตกต่างกันออกไปภายในระยะ 1 - 3 เดือน

 

ด้วยความร่วมมือจากทีมแพทย์ และผู้เชี่ยวชาญทางด้านการฟื้นฟูจากประเทศญี่ปุ่น พร้อมทั้งความเอาใจใส่ ส่งเสริมและผลักดันให้ผู้ป่วยสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงปกติที่สุด พึ่งพาตัวเองได้มากที่สุด ตามความสามารถของผู้ป่วยแต่ละรายขึ้นอยู่กับความต้องการ และความรุนแรงของโรคเป็นสำคัญ ซึ่งที่ผ่านมาความสำเร็จในการฟื้นฟูอยู่ที่ 95% ขึ้นไป

    

รอ.นพ.สุรชา กล่าวเพิ่มเติมว่า ทางศูนย์ยังมีเป้าหมายที่จะพัฒนาไปเป็น Academy Center ซึ่งเป็นศูนย์ให้ความรู้เกี่ยวกับการทำกายภาพบำบัด และมีแผนที่จะขยายเครือข่ายของศูนย์ไปตามโรงพยาบาลในเครือตามจังหวัดต่าง ๆ เช่น โรงพยาบาลพริ้นซ์ ปากน้ำโพ จ.นครสวรรค์ , โรงพยาบาลพิษณุเวช จ.พิษณุโลก, รพ.พริ้นซ์ ศรีสะเกษ ฯลฯ เพื่อตอบสนองสังคมสูงวัยในเขตพื้นที่ต่างจังหวัดอีกด้วย

 

ยิ่งไปกว่านั้น ศูนย์ PNKG Recovery Center and Elder Care ยังมีการจัดสัมมนาให้ความรู้ผ่านทางช่องทางออนไลน์แก่บุคคลทั่วไป เรียนรู้เกี่ยวกับประเด็นต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของตัวโรค และเทคนิคการฟื้นฟูต่าง ๆ โดยงานสัมมนาครั้งถัดไป มาในประเด็น “รู้เร็วรอด ปลอดอัมพาต” ซึ่งจะเป็นงานสัมมนาออนไลน์

 

ที่ว่าด้วยเรื่องของ สาเหตุ การป้องกัน การรักษา วิธีการดูแลฟื้นฟู ตลอดจนเทคนิคในการออกกำลังกายสำหรับผู้ป่วยอัมพาต ให้สามารถทำกายภาพบำบัด เพื่อฟื้นฟูร่างกายด้วยตนเองอีกด้วย โดยกำหนดจัดงานมีขึ้นผ่านระบบออนไลน์ วันเสาร์ที่ 7 พฤษภาคม 2565 โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย