นางสาววัลยา จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอ็น เปิดเผยว่า ด้วยวิสัยทัศน์ Imagining better futures for all บริษัทมุ่งเน้นการพัฒนาโครงการในรูปแบบของมิกซ์ยูสที่ผนึกรวมมากกว่า 1 องค์ประกอบภายใต้ กลยุทธ์ Retail-Led ที่มีศูนย์การค้าเป็นหัวใจสำคัญในการเชื่อมโยงทุกองค์ประกอบแบบ Fully-Integrated โดยทั้ง 4 ธุรกิจสามารถเติบโตไปด้วยกันใน Ecosystem
ด้วยแผนธุรกิจ 5 ปีของซีพีเอ็นจะใช้เงินลงทุน 1.2 แสนล้านบาท เดินหน้าพัฒนาโครงการ Retail-Led Mixed-Use Development ครอบคลุมกว่า 30 จังหวัดทั่วประเทศ โดยเน้นการพัฒนา 4 ธุรกิจหลัก ประกอบด้วย 1. ธุรกิจศูนย์การค้า ผ่านการพัฒนาโครงการใหญ่ 50 โครงการทั้งในและต่างประเทศ
คอมมูนิตี้ มอลล์ 16 แห่ง บุกทำเลศักยภาพสูง CBD Bangkok ด้วยจุดแข็งในด้าน Develop District, Strong Synergy and Ecosystem ด้วยการใช้ Big Data จาก The 1 ทำให้เข้าใจตลาดทั่วประเทศ และ Community at heart ยึดหลักการ co-create กับท้องถิ่น ทั้งในด้านการสร้าง Local Wealth และการส่งเสริม Local Essence ของท้องถิ่น
ด้านธุรกิจคอมมูนิตี้มอลล์ ตั้งใจที่จะปรับกลยุทธ์และต่อยอดให้ดีขึ้นด้วยแนวคิด Center of Life พร้อมยกระดับไลฟ์สไตล์ให้เข้าถึงลูกค้าและชุมชนมากขึ้น โดยธุรกิจ Small Retail นี้จะเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งให้กับโครงการขนาดใหญ่ที่เรามีอยู่แล้ว ทำให้ขยายไปสู่ทำเลศักยภาพสูงและย่าน CBD ได้อย่างทั่วถึงมากขึ้น โครงการใหม่ที่จะเปิดให้บริการในไตรมาส 4/65 นี้คือ โครงการ Marche Thonglor ที่จะตอบโจทย์ neighborhood ที่ดีที่สุดในย่านทองหล่อ
สำหรับแผนขยายโครงการในต่างประเทศ เซ็นทรัลพัฒนา ตั้งเป้าเป็น Regional Retail Platform ที่นำพาธุรกิจต่างๆ ต่อยอดความสำเร็จร่วมกัน ปัจจุบันได้เปิดโครงการศูนย์การค้าไทยแห่งแรกคือเซ็นทรัล ไอ-ซิตี้ ที่มาเลเซีย นอกจากนี้ ยังคงศึกษาโอกาสใหม่ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะมาเลเซียและเวียดนาม ต่อยอดจากที่เซ็นทรัลกรุ๊ปได้เข้าไปบุกเบิกการทำธุรกิจ
2. ธุรกิจโครงการที่อยู่อาศัย ภายใต้แนวคิด Quality meets value ผ่านโครงการทั้งแนวราบและแนวสูงรวม 68 โครงการทั่วประเทศ โดยเน้นการต่อยอดกับโลเกชั่นของศูนย์การค้าของเซ็นทรัลพัฒนา และจับมือกับโครงการต่างๆ ร่วมกับเครือเซ็นทรัลกรุ๊ป รวมถึงการพัฒนาโครงการเดี่ยวทั้งคอนโดฯ
หมู่บ้านจัดสรรบนทำเลศักยภาพสูงที่อยู่ติดหรือใกล้กับศูนย์การค้า บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และโฮมออฟฟิศ ซึ่งปัจจุบัน Central Pattana Residential มีทั้งหมด 22 โครงการรวมมูลค่ากว่า 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งมียอดโอนแล้ว 1 หมื่นล้านบาท และยอดรอรับรู้รายได้ 3,700 ล้านบาท มีลูกบ้านเซ็นทรัลแล้วกว่า 1 หมื่นราย
3. ธุรกิจโรงแรม ด้วยฟอร์แมตใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ทุกการพักผ่อนและการท่องเที่ยว พัฒนารวม 37 โครงการ 4,000 ห้อง ครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์ โดยเพิ่มศักยภาพของธุรกิจโรงแรมในทุกจังหวัดให้มีมาตรฐาน ยกระดับให้เป็นเมืองท่องเที่ยว พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจโรงแรมทั่วประเทศ ด้วยจุดแข็งของทำเลที่ตั้งอยู่บนทำเลโดดเด่นใจกลางเมืองเป็นจุดเริ่มต้นของทุกการเดินทางท่องเที่ยวพักผ่อน เชื่อมโยงกับศูนย์การค้า
4. ธุรกิจอาคารสำนักงาน โดยเน้นโครงการที่เป็น The Most Preferred Workplace ของทั้งบริษัทผู้เช่าและคนทำงาน ซึ่งปัจจุบันทั้ง 13 โครงการมี Occupancy Rate ได้มากกว่า 90% และในปีนี้โฟกัส เรื่องการปรับโฉม The Offices at centralwOrld และวางแผนขยายโปรเจ็กต์ในอนาคต ได้แก่ Central Park Office ภายในโครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค ที่จะพลิกโฉมสู่ Professional Hub ระดับโลก และโครงการภายใต้บริษัท GLAND ในย่านพระราม 9 CBD ศักยภาพสูง”
นอกจากนี้กลุ่มธุรกิจ Alternative Assets ยังมองหาโอกาสในการขยายและลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ ที่จะเติมเต็ม Ecosystem และเชื่อมโยงกับธุรกิจหลัก อาทิ การร่วมทุน Grab ที่เป็น Delivery Platform และ Common Ground ที่เป็น Co-Working Space และเตรียมศึกษาการลงทุนใน Capital Venture ที่เตรียมเปิดเผยรายละเอียดเร็วๆ นี้
“ในอีก 5 ปีเซ็นทรัลพัฒนาจะมีการเติบโตใน 4 ธุรกิจอย่างคู่ขนานด้วยสัดส่วน Retail Property 72% และ Non-Retail 28% โดยมีพื้นที่รีเทลรวม 2.7 ล้านตร.ม., พื้นที่อาคารสำนักงานรวม 0.5 ล้านตร.ม., โรงแรมรวม 4,000 ห้อง และโครงการที่อยู่อาศัยทั้งแนวราบและแนวสูงรวม 68 โครงการ”
หน้า 16 หนังสือพิมพ์ฐานเศราฐกิจ ปีที่ 42 ฉบับที่ 3,785 วันที่ 22 - 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2565