‘GTG’ ลุยสร้าง Economy of Scale ปูทางสู่ “ไบโอเทค ยูนิคอร์นกัญชง-กัญชา”

26 มิ.ย. 2565 | 00:07 น.

‘GTG’ ยึดเป้า ไบโอเทค ยูนิคอร์นกัญชง-กัญชา เป็นมิชชั่นหลักรุกหนักตลาดกัญชงครึ่งปีหลังปล่อยทัพผลิตภัณฑ์กลุ่มความงามเพิ่มเติมต่อเนื่อง เพื่อสร้าง Economy of scale ของตลาดกัญชงทั้งในและต่างประเทศเตรียมพร้อมเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ปีหน้า

นายกฤษณ์ ธีรเกาศัลย์ กรรมการผู้จัดการและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท โกลเด้น ไทรแองเกิ้ล กรุ๊ป จำกัด (Golden Triangle Group Co., Ltd.) หรือ ‘GTG’ เปิดเผยกับฐานเศรษฐกิจว่า  ตลาดกัญชา กัญชงครึ่งปีแรกแน่นอนตลาดโดยรวมยังคงเป็นอุตสาหกรรมกัญชงเป็นหลัก ก่อนจะเริ่มมีกะแสการปลดล็อคกัญชาตามมา

นายกฤษณ์ ธีรเกาศัลย์ กรรมการผู้จัดการและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท โกลเด้น ไทรแองเกิ้ล กรุ๊ป จำกัด (Golden Triangle Group Co., Ltd.) หรือ ‘GTG’

ดังนั้นเทรนด์อุตสาหกรรมที่มาแรงนี้ยังคงเป็นเรื่องของกัญชง กัญชา ซึ่งในอนาคตจะไม่ใช่แค่เทรนด์เพราะส่วนที่สำคัญที่สุดคือสารเคมีข้างในของการชงกัญชามีความเป็น medical activecompound  ซึ่งจะกลายเป็นคำคุ้นหูไปอีกนาน

“ภาพรวมในระดับประเทศ ถ้ามองภาพของแมคโคร ไม่ได้มองภาพของ domestic กับกฎหมายต่างๆ ที่กำลังแก้ไขให้ถูกต้องอยู่ในปัจจุบัน ก็ต้องบอกว่าตลาดต่างประเทศมีความตื่นตัวมาก เราต้องยอมรับว่านักท่องเที่ยวที่เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยส่วนหนึ่งเป็นผู้ใช้กัญชง กัญชา อยู่แล้ว

‘GTG’ ลุยสร้าง Economy of Scale

เมื่อประเทศไทยมีการปลดล็อคทำให้นักท่องเที่ยวยุโรป อเมริกา รวมไปถึงสิงคโปร์ และมาเลเซียมีความตื่นเต้นกันมากและเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยไม่น้อย

เพราะฉะนั้นในภาพรวมหลังโควิดการปลดล็อคกัญชง กัญชา เป็นวิธีที่จะดึงนักท่องเที่ยวเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้กับประเทศชาติได้ดี และเริ่มมีกฎหมายลูกต่างๆ เข้ามาควบคุมให้รัดกุมมากขึ้นเรื่อยๆ เช่น กฎหมายตัวใหม่ที่เข้ามาควบคุมกัญชาให้เป็นสมุนไพรควบคุม เพื่อควบคุมผู้ใช้ไม่ให้มีอายุต่ำกว่า 20 ปี ไม่จำหน่ายให้กับสตรีที่มีครรภ์หรือให้นมบุตร ซึ่งเป็นสิ่งที่เราสนับสนุนเสมอมา”

  ‘GTG’ ลุยสร้าง Economy of Scale

ผู้บริหาร GTG ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่าการปลดล็อคกัญชา ครั้งนี้ส่งผลให้ฟาร์มที่ผลิตกัญชง กัญชา ที่ไม่ได้มาตราฐานจะไม่สามารถส่งออกได้ เพราะติดปัญหาการเลี้ยงให้มี CBD สูงเป็นเรื่องยาก แต่มีโอกาสขายผลิตภัณฑ์กัญชง กัญชา ได้มากขึ้นและคาดว่าอีกไม่นานนี้ก็คงจะมีกฎกระทรวงกัญชง กัญชา เข้ามาควบคุมอีกชั้นหนึ่ง เพื่อสร้างมาตรฐานและจัดระเบียบให้อยู่ในกรอบที่ชัดเจนยิ่งขึ้น

 

ในมุมมองของ GTG เองการปลดล็อคกัญชง กัญชา ส่งผลดีต่อบริษัทในแง่ของการขายช่อดอกกัญชงสายพันธุ์รักษาซึ่งมี CBD สูง สามารถขายน้ำมัน CBD และผลิตภัณฑ์ให้กับสปา รวมถึงแพทย์แผนไทยและแพทย์แผนไทยประยุกต์ต่างๆ ได้มากขึ้นและสะดวกยิ่งขึ้น GTG เชื่อใน medical activecompound  ของกัญชา กัญชงที่มีอยู่ตามธรรมชาติและได้รับการรับรองทางการแพทย์และใช้สิ่งนั้นมาทำผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดเพื่อรักษาอาการป่วยต่างๆ ทั้งเป็นตลาดที่มีมูลค่าสูงและช่วยส่งเสริมเพิ่มมูลค่าให้กับกัญชงและกัญชาไทย

  ‘GTG’ ลุยสร้าง Economy of Scale

ผลิตภัณฑ์ของ GTG ไม่ได้เป็นผลิตภัณฑ์  luxury หรือเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย แต่แป็นสินค้าที่ตอบโจทย์และเน้นแก้ปัญหาตาม pain point ของคน เช่นในปัจุบันประเทศไทยมีผู้ป่วยทางด้านการนอนหลับมากกว่า 5 ล้านคน มีผู้ป่วยทางด้านผิวหนังต่างๆ กว่า 10 ล้านคน ซึ่ง CBDA ในกัญชง กัญชาสามารถเข้าไปรักษาปัญหาเหล่านี้ได้ ลูกค้าเจ้าแรกๆ ที่เข้ามามีจุดประสงค์หลักคือการรักษา และผลผลิตของ GTG รวมกับ marketing research พบว่ามากกว่า 80% ของผู้ใช้มี positive feedback คือ ได้รับผลลัพธ์ตามที่ต้องการหรือว่าดีกว่าและมีผลทางการตลาดกลับมาว่ามีผู้ใช้แล้วติดใจใช้ซ้ำ

 

 “GTG ยังคงยืนยันที่จะเป็นไบโอเทค ยูนิคอร์น ด้าน CBD จากกัญชง-กัญชา วันนี้ในส่วนของวัตถุดิบ (raw material) เรามี RAKSA CBD Full-Spectrum ที่มี THC ต่ำกว่า 0.2% ถูกต้องตามกฎหมายมี CBD Full Spectrum Oil มี GTG Bath Bomb ที่ได้รับอย.เรียบร้อยแล้ว และ “CBD Everyday Balm หรือ บาล์มอเนกประสงค์” ซึ่งก็มี positive feedback ที่ดี

  ‘GTG’ ลุยสร้าง Economy of Scale

หลังจากนี้ในครึ่งปีหลังเราจะเดินหน้าปล่อยผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดเพิ่มเติมในกลุ่มของ beauty product ทั้งของเราเอง ของพาร์ทเนอร์และการคอลลาบอเลชั่นกับแบรนด์อื่นๆ ออกมาเรื่อยๆ ซึ่งตอนนี้อยู่ในขั้นตอนของการจดทะเบียนอย.โดยเน้นไปที่ครีมลดการอักเสบของผิวพรรณจาก CBDA ซึ่ง GTG น่าจะเป็นบริษัทเดียวที่ผลิตได้ในปัจจุบันโดยการสกัดเย็นซึ่งก็เป็นธุรกิจหลักของเรา เพื่อสร้าง Economy of Scale 

 

ส่วนเรื่องของการส่งออกเราน่าจะเป็นบริษัทแรกในเอเชียที่ได้มาตรฐานการปลูก GACP ซึ่งcertify โดย control union ของเยอรมนีทำให้เราสามารถส่งออกช่อดอก CBDให้กับทางการแพทย์ในเยอรมันและยุโรปได้ซึ่งจะเกิดขึ้นในเดือนหน้าตามแผนธุรกิจคงที่ของเราเพราะเยอรมันมีความต้องการใช้สูงและเป็นประเทศแรกในยุโรปที่เปิดใช้ทางการแพทย์และเสรีและเป็น เกตคีปเปอร์ ของยุโรปทั้งหมดถ้าบริษัทที่เยอรมันใช้การเปิดตลาดไปสู่ประเทศต่างๆจะเป็นเรื่องง่าย”

 

นอกจากนี้การที่ประเทศมาเลเซียให้ความสนใจและมีการดันกฏหมายปลดล็อคกัญชา-กัญชง โดยอนุมัติใช้สาร CBD ในแง่ของการรักษาทำให้มีนักลงทุน จากมาเลเซียให้ความสนใจลงทุนกับ GTG ในรูปแบบการ partner จัดตั้งบริษัทในมาเลเซียจำนวนมาก ดังนั้นตลาดมาเลเซียน่าจะเป็นโอกาสของ GTG เพราะมีสายพันธุ์รักษาซึ่งน่าจะเป็นสายพันธุ์เดียวในโลกที่เคยปลูกใน South East Asia ซึ่งได้สาร CBD สูง และสาร THC ต่ำ เพราะฉะนั้น GTG ไม่ได้กังวลว่ามาเลเซียจะเข้ามาเป็นคู่แข่งที่น่ากลัว เพราะประเทศไทยมีโอกาสนำหน้ามาเลเซียไป 3-5 เพราะกัญชาเป็น High Value Agriculture ที่คนซื้อมีประสบการณ์ในการใช้ที่คงที่

  ‘GTG’ ลุยสร้าง Economy of Scale

อย่างไรก็ตามแม้ว่าปัจจุบันตลาดกัญชา-กัญชงจะมีทิศทางการเติบโตที่ดี ทุกอย่างกำลังพัฒนาไปในแนวทางที่เหมาะสม แต่รัฐบาลยังไม่สามารถออกมาบอกได้ว่าเปิดช่องให้ขายกัญชาสันทนาการได้ยกเว้นจะมีใบอนุญาตออกมา ดังนั้นความชัดเจนของรัฐบาลยังเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ผู้ประกอบการรายย่อยสามารถขยับไปในทิศทางที่ชัดเจนได้มากขึ้น ถ้าประเทศไทยต้องการเปิด regulations ให้มีนักท่องเที่ยวเข้ามา ก็ควรประกาศให้ชัดเจนว่าเพื่อการพัฒนาธุรกิจในส่วนนี้ด้วย

 

รวมทั้งในด้านการส่งออกเองเมื่อสาร THC ถูกปลดล็อคแล้ว ดังนั้นปริมาณสาร THC ทางการแพทย์เพื่อการส่งออกไปยังบริษัททางการแพทย์ในยุโรปควรได้รับการปลดล็อคให้เอกชนสามารถทำได้เพราะในปัจจุบันกฎหมายยังเอื้อเฉพาะหน่วยงานรัฐเท่านั้น

 

“GTG ถือว่ากัญชาเป็นสิ่งที่เราเข้าไปเกี่ยวข้องไม่ได้ถ้าไม่ใช่ทางการแพทย์ GTG เราสร้างขึ้นมาเพื่อเป็น ไบโอเทค ยูนิคอร์น มีบริษัทในตลาดหลักทรัพย์เข้ามาลงทุน ส่วนการทำกัญชาสันทนาการยังผิดกฎหมายในระดับประเทศของอเมริกาอยู่เงินที่ได้ก็ไม่สามารถที่นำเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสถาบันการเงินของอเมริกาหรือสถานบัีนการเงินในหลายประเทศที่ยังไม่มีการเปิดเสรีด้านสันทนาการได้ GTG ต้องการเข้าไปเป็นไบโอเทค ยูนิคอร์นและต้องการเข้าไปอยู่ในตลาดหลักทรัพย์

 

ในอนาคตถ้าประเทศไทยอนุญาตให้ทำกัญชาสันทนาการ GTG คงทำธุรกิจกัญชาหลังจากที่อเมริกาหรือทางสถาบันทางการเงินรองรับธุรกิจกัญชาสันทนาการเพราะไม่เช่นนั้นจะทำให้ภาพใหญ่ของธุรกิจมีผลกระทบมากกว่าผลดี

 

แต่ปัจจุบัน นับว่าปีนี้เป็นปีที่ดีของ GTG เพราะมีผลผลิตออกสู่ตลาด เราคาดว่าในเดือนหน้า บริษัทน่าจะมีรายได้มากกว่ารายจ่ายซึ่งก็นับว่าเป็น successful มากในสเต็ปแรกของบริษัทและเราก็หวังว่าปีนี้ทั้งปีของเราก็จะเป็นโพสิทีฟ แคชโฟลว์ และสามารถเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้ ซึ่งถือเป็นเป้าหมายหลักที่ GTG จะเข้าไปสู่ตลาดทุนอย่างถูกต้องตามกฎหมายได้”