นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ประธานคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI กล่าวว่าล่าสุดการบินไทยได้ทำหนังสือถึง นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เพื่อขอให้พิจารณาอนุญาตโอนจำหน่ายเครื่องบิน จำนวน 5 ลำของการบินไทย ได้แก่ แอร์บัส A340-500 จำนวน 1 ลำ แบบแอร์บัส A340-600 จำนวน 4 ลำ
โดยเป็นไปตามแผนฟื้นฟูกิจการบริษัทฯ ซึ่งจะดำเนินการจำหน่ายเครื่องบินที่ไม่อยู่ในแผนปฏิบัติการบิน ซึ่งเป็นเครื่องบินที่มีอายุการใช้งานมาก หรือเครื่องบินที่ทำการบินแล้วขาดทุน
ทั้งนี้ก่อนหน้านี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมได้ลงนามอนุมัติให้การบินไทยโอน (ขาย) เครื่องบินไปแล้วจำนวน 11 ลำ คือ เครื่องบินโบอิ้ง B737-400 จำนวน 1 ลำ เครื่องบินโบอิ้ง B747-400 จำนวน 10 ลำ
ปัจจุบันบริษัทฯ ใช้งานเครื่องบินจำนวน 68 ลำ เป็นเครื่องบินที่มีอายุน้อย มีประสิทธิภาพสูง และต้องบริหารจัดการชั่วโมงการใช้เครื่องบินโดยเฉลี่ย (Aircraft Utilization) ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และมีแผนนำเครื่องบินเก่ามาซ่อมบำรุงและนำกลับมาใช้งานจำนวน 5 ลำ คือ โบอิ้ง 777-200 ER จำนวน 2 ลำ และแอร์บัส A330 จำนวน 3 ลำ
สำหรับการคืบหน้าในการแก้ไขแผนฟื้นฟูกิจการของการบินไทย หลังจากเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2565 คณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการได้ยื่นคำร้องขอแก้ไขแผนฟื้นฟูกิจการต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แล้ว ล่าสุดมีกำหนดการประชุมเจ้าหนี้เพื่อพิจารณาแผนฟื้นฟูฉบับแก้ไขในวันที่ 1 กันยายน 2565 หลังจากนั้นศาลจะนัดฟังคำสั่งต่อไป คาดว่าจะเป็นช่วงปลายเดือนกันยายน-ตุลาคม 2565
ทั้งนี้เชื่อว่าเจ้าหนี้น่าจะพอใจการบริหารจัดการ ซึ่งปัจจุบันการดำเนินงานและผลประกอบการดีขึ้นมากเมื่อเทียบจากช่วงการยื่นแผนฟื้นฟูครั้งแรก ซึ่งรอบนั้นเจ้าหนี้โหวตรับแผนฟื้นฟู 90% ขณะนั้นการบินไทยมีรายได้ประมาณ 700 ล้านบาทต่อเดือน และส่วนใหญ่เป็นรายได้จากการให้บริการขนส่งผู้โดยสารและขนส่งสินค้า (คาร์โก้) มีจำนวนผู้โดยสารประมาณ 500 คนต่อวัน
แต่ปัจจุบันจำนวนผู้โดยสารของการบินไทยเฉลี่ย 16,000 คน ส่วนไทยสมายล์มีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นกว่า 12,000 คนต่อวัน เติบโตก้าวกระโดดเมื่อเทียบกับปี 2563-2564 โดยรายได้เมื่อเดือน มิ.ย. 2565 อยู่ที่ประมาณ 7,200 ล้านบาทต่อเดือน และคาดว่าเดือน ก.ค. จะเพิ่มเป็น 8,000 ล้านบาท โดยเป็นรายได้จากคาร์โก้ประมาณ 2,000-3,000 ล้านบาท