ทุนไทย-ต่างชาติ ไล่ซื้อโรงแรม คาดปีนี้ปิดดีล 1.5 หมื่นล้าน

28 ก.ค. 2565 | 01:35 น.
อัปเดตล่าสุด :28 ก.ค. 2565 | 09:41 น.

ทุนไทย-ต่างชาติ ไล่ซื้อโรงแรมในไทย เผยทำเล กทม. ภูเก็ต สมุย พัทยา เชียงใหม่ สุดฮ้อต คาดปีนี้ปิดดีล 1.5 หมื่นล้าน

นายภัทรชัย ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย เปิดเผยว่า หลังภาพรวมการท่องเที่ยวในประเทศไทยปรับตัวดีขึ้น ทำให้ในช่วงครึ่งปีแรก 2565 มีความสนใจเข้าซื้อโรงแรมในประเทศไทยคึกคัก 

 

โดยเฉพาะ กรุงเทพฯ ภูเก็ต สมุย พัทยา และ เชียงใหม่ เป็นเมืองท่องเที่ยวหลัก มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งพบว่ามีปิดดีลการซื้อขายโรงแรมในประเทศไทยจำนวนมาก ทั้งผู้ประกอบการรายใหญ่ในประเทศไทยและนักลงทุนต่างชาติยังคงสนใจเข้าซื้อโรงแรม

 

นักลงทุนจากประเทศจีนสนใจซื้อโรงแรมในพื้นที่ภูเก็ตและเชียงใหม่ ส่วนนักลงทุนจากประเทศสหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ ญี่ปุ่น สนใจซื้อโรงแรมในพื้นที่กรุงเทพฯ โดยมองหาโรงแรมที่ราคาที่เหมาะสมบนทำเลศักยภาพ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างชาติที่อาจจะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในปีนี้กว่า 10 ล้านคน

ภาพรวมการซื้อขายโรงแรมในไทยช่วง 10 ปีที่ผ่านมา มีมูลค่าการซื้อขายรวมอยู่ที่ประมาณ 99,650 ล้านบาท เฉพาะในช่วงปี 2560 และ 2561 มีมูลค่าการซื้อขายโรงแรมในประเทศไทยสูงกว่าถึงปีละกว่า 20,000 ล้านบาท

 

เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติและกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่ในประเทศสนใจเข้าซื้อกิจการโรงแรม ทั้งที่อยู่ระหว่างการดำเนินกิจการและอยู่ระหว่างการก่อสร้าง โดยโครงการที่นักลงทุนจะให้ความสนใจเข้าซื้อ ได้แก่

 

1.ผลตอบแทนจะต้องมากกว่า 6% ต่อปี

 

2.อายุอาคารไม่ควรเกิน 15 ปี หรือต่ำกว่า 10 ปี

 

3.จำนวนห้องพักควรมากกว่า 150 ห้อง เพราะจะคุ้มค่าเงินลงทุน

 

ทั้งนี้เมื่อนักลงทุนสนใจเข้าซื้อโรงแรมแล้วส่วนใหญ่จะมีการนำโรงแรมมารีโนเวตแล้วอัพเกรดรูปแบบโครงการขึ้น หรือมีการนำแบรนด์ของโรงแรมที่ดังอยู่แล้วหรือโรงแรมเป็นเชนมาช่วยบริหารโรงแรม

 

ในปี 2565 คาดว่าความต้องการซื้อโรงแรมของนักลงทุนชาวไทยและต่างชาติในไทยจะยังคงมีอย่างต่อเนื่องและมากกว่า 20 แห่ง จากปี 2564 ซื้อขายอยู่ 24 แห่ง และปี 2563 อยู่ที่ 7 แห่ง เพราะในช่วงก่อนหน้าอุปทานโรงแรมที่มีเสนอขายในตลาดมีอยู่อย่างจำกัด

 

แต่พบว่าพอเกิดวิกฤตโควิด-19 มีผู้ประกอบการหลายรายเลือกจะนำโรงแรมออกมาเสนอขายกันมากขึ้น ทั้งโรงแรมในกรุงเทพฯและเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญ เพราะแบกภาระไม่ไหว ขาดสภาพคล่อง

 

ราคาที่ซื้อขายกันในปีที่แล้วลดลง 30% แต่ปีนี้ราคาเริ่มกลับมาปรับตัวสูง เพราะเจ้าของหลายรายเห็นว่าแนวโน้มธุรกิจท่องเที่ยวดีขึ้น แต่จะยังเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักลงทุนที่มีความพร้อมที่สนใจเข้าซื้อกิจการโรงแรมเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวจะเดินทางเข้ามาหลังวิกฤตโควิดที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น

 

โดยนักลงทุนที่สนใจอาจสามารถซื้อโรงแรมได้ในราคาที่ดี และอาจส่งผลให้มูลค่าการซื้อขายโรงแรมในไทยในปีนี้ปรับตัวสูงขึ้นกว่า 15,000 ล้านบาท

 

นักลงทุนต้องใช้ความระมัดระวังในการตัดสินใจเพิ่มมากขึ้น ท่ามกลางปัจจัยลบต่างๆ ที่เข้ามากระทบภาคอสังหาริมทรัพย์เป็นอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจในประเทศไทยที่ชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง

 

ทั้งนี้ หลังโควิดคลี่คลาย ในหลายประเทศทั่วโลกยังมองว่าประเทศไทยยังคงเป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวต่างชาติให้ความสนใจอยากเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวอีกเป็นจำนวนมากในอนาคต ซึ่งธุรกิจโรงแรมยังคงเป็นธุรกิจที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องในอนาคต และอาจส่งผลให้มูลค่าการซื้อขายโรงแรมในประเทศไทยอาจปรับตัวเพิ่มขึ้นในอนาคต