AWC จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทร่วมทุน "เอดับบลิวซี ฮอสปิทอลลิตี้ เดเวลอปเมนท์" ด้วยทุนจดทะเบียนขั้นต้น 1 ล้านบาท ถือหุ้น 51% มีวัตถุประสงค์เพื่อเข้าร่วมลงทุนในธุรกิจโรงแรมที่มีศักยภาพในแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำของประเทศไทย พร้อมมีแผนเพิ่มทุนเป็น 1.08 หมื่นล้านบาท ในอนาคต
บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC ได้แจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในเรื่องของความคืบหน้าการศึกษาการเข้าลงทุนในองค์กรการร่วมทุนการลงนามสัญญาร่วมทุนและการจัดตั้งบริษัทร่วมทุน
โดยระบุว่า หลังจากหลังจากคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติการจัดตั้งองค์กรการร่วมทุน (Investment Vehicle) และได้รับอนุมัติการเข้าลงทุนในองค์กรการร่วมทุน ล่าสุดบริษัทได้ลงนามสัญญาร่วมทุน (Joint Venture Agreement) จดทะเบียนจัดตั้ง บริษัท เอดับบลิวซี ฮอสปิทอลลิตี้ เดเวลอปเมนท์ จำกัด (AWC Hospitality Development Co., Ltd.)
บริษัท เอดับบลิวซี ฮอสปิทอลลิตี้ เดเวลอปเมนท์ จำกัด โดยมีโครงสร้างและสัดส่วนการลงทุนดังนี้ มีทุนจดทะเบียนขั้นต้น 1,000,000 บาท (โดยมีแผนเพิ่มทุนรวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 10,800,000,000 บาท)
โดยมี AWC ถือหุ้น 51% และบริษัทผู้ร่วมทุน ถือหุ้น 49% โครงสร้างกรรมการ บริษัทร่วมทุนประกอบไปด้วยกรรมการไม่น้อยกว่า 4 ท่าน แต่ไม่เกิน 10 ท่าน โดยจำนวนผู้ถือหุ้นแต่ละฝ่ายมีสิทธิในการแต่งตั้งกรรมการในสัดส่วนเท่ากัน และสัดส่วนของกรรมการที่ได้รับการแต่งตั้งจากแต่ละฝ่ายจะอยู่ในสัดส่วนที่เท่ากันเสมอ
บริษัทร่วมทุนมีวัตถุประสงค์เพื่อเข้าร่วมลงทุนในธุรกิจโรงแรมที่มีศักยภาพในแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำของประเทศไทย โดยบริษัทจะนำจุดแข็งในฐานะกลุ่มบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำที่มุ่งตอบสนองไลฟ์สไตล์พร้อมเครือข่ายพันธมิตรแบรนด์โรงแรมระดับโลก
รวมถึงความสามารถในการบริหารจัดการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อย่างมีประสิทธิภาพมาขับเคลื่อนการลงทุนร่วมกันครั้งนี้เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยให้แข็งแกร่งและขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยให้เติบโตได้อย่างมั่นคงยั่งยืน
การร่วมลงทุนในครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่บริษัทร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับสถาบันการลงทุนชั้นนำระดับโลกที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการบริหารการลงทุน ซึ่งความร่วมมือนี้เป็นโมเดลธุรกิจใหม่ที่จะช่วยสร้างรายได้เพิ่มเติมและสร้างกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งให้กับบริษัท
โดยบริษัทจะได้รับผลตอบแทนในรูปแบบของค่าธรรมเนียมในการบริหารทรัพย์สินและค่าตอบแทนตามผลการดำเนินงานของโครงการ (Incentive Fee) ซึ่งได้ตั้งเป้าลงทุนในโครงการที่มีศักยภาพบนทำเลระดับไพร์มโลเคชั่นของแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศไทย