การปลดล็อก “กัญชา” ให้พ้นจากบัญชียาเสพติด พร้อมกับการสนับสนุนยกระดับส่งเสริมพืชกัญชา กัญชงและกระท่อมให้เป็นพืชเศรษฐกิจของประเทศ เพื่อผลักดันให้เศรษฐกิจโดยรวมกลับมาฟื้นตัว หลังเผชิญกับวิกฤตโควิด-19 มายาวนาน ทำให้วันนี้มีผู้ประกอบการสนใจเข้าลุยในธุรกิจนี้จำนวนมาก รวมถึง “ดร.ซีบีดี”
นายพรชัย ปัทมินทร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดร.ซีบีดี จำกัด เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ดร.ซีบีดี เริ่มต้นจากการวิจัยและพัฒนา (R&D) มาต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปี โดยมีจุดยืนและจริงจังในการพัฒนาสินค้ากับบริการออกมาให้ดีที่สุดสำหรับลูกค้าทุกคน การศึกษาวิจัยมีการรองรับ มีหลักการที่ถูกต้องตามหลักวิทยาศาสตร์ โดยบริษัทลงทุนในเรื่องของ R&D การสร้างฟาซิลิตี้ให้ได้มาตรฐานตามมาตรฐาน Medical Grade ด้วยเงินลงทุนกว่า 200 ล้านบาท
จนปัจจุบันพร้อมเปิดตัวผลิตภัณฑ์และวางจำหน่ายสินค้ากว่า 16 รายการใน 3 หมวด ได้แก่ 1. ยารักษาโรค 2. วิตามิน/อาหารเสริม 3. เวชสำอาง,สกินแคร์ โดยมุ่งนำเสนอด้วยนโยบาย Health Care และ Preventive Medicine สร้างเสริมสุขภาพและเวชศาสตร์ป้องกันในระดับสูงสุด ผ่านบริษัทในเครือ ได้แก่
1. Dr.Kratom Bio ธุรกิจที่เชี่ยวชาญด้านการสกัดและผลิตภัณฑ์จากกระท่อมทางการแพทย์พร้อมเทคโนโลยีการตรวจสอบขั้นสูง
2. ดร.ซีบีดี คลินิก (Dr.CBD Clinic) คลินิกกัญชาในประเทศไทยที่เน้นการป้องกันโรคและให้การรักษาสุขภาพที่ได้มาตรฐาน เราให้การดูแลแบบส่วนบุคคลในระดับที่เหมาะสมกับความต้องการของผู้ป่วยแต่ละราย ไม่ได้เป็นเพียงคลินิกทางเลือกสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมการดูแลแบบองค์รวมโดยใช้ศาสตร์แผนไทยผสมผสานกับการบำบัดด้วย Anti-Aging สมัยใหม่ ปัจจุบันดร.ซีบีดี คลินิก (Dr.CBD Clinic) คลินิกกัญชาทางการแพทย์ เปิดให้บริการแล้ว 2 แห่ง ได้แก่ สาขาวิลล่ามาร์เก็ตหัวหินและโรงพยาบาลนวเวช
3. บริษัท นิวทริบิสส์ จำกัด (Nutribiss) เป็นผู้ผลิตอาหารเสริมทางด้านสุขภาพผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สมุนไพรกัญชา กัญชง เวชภัณฑ์อาหารเสริม การันตีคุณภาพโดยมาตรฐานจาก GMP
4. Dr.Pets CBD ศูนย์รวมผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพสำหรับสัตว์เลี้ยง ด้วยนวัตกรรมจากสมุนไพรกัญชา กัญชง และกระท่อม ผสานกับเทคโนโลยีคุณภาพระดับโลกสู่สารสกัด CBD และผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาอย่างดี สร้างสรรค์โดยสัตวแพทย์และทีมนักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อสุขภาพสัตว์เลี้ยงที่คุณรัก
“เป้าหมายของเราคือการผลักดันให้ยกระดับกัญชา กัญชงและกระท่อมเป็น “ยุทธศาสตร์ชาติ” สร้างอุตสาหกรรม Health Care ที่มีประสิทธิภาพ เพราะประเทศไทยมีความพร้อมในทุกด้าน ตั้งแต่องค์ความรู้ด้านสมุนไพร บุคลากรที่มีความสามารถอย่างนักวิทยาศาสตร์และแพทย์ที่เชี่ยวชาญ ดังนั้นไทยจึงต้องเป็นผู้นำต้องสร้างอุตสาหกรรมนี้ให้เกิดขึ้น และด้วยศักยภาพของไทยรอบด้าน เชื่อว่าจะทำให้ไทยเป็นผู้นำในตลาดโลกได้”
นายพรชัย กล่าวอีกว่า ดร.ซีบีดี มีความพร้อมทั้งด้านการเพาะปลูก โดยมีโรงงานเพาะปลูกจากต้นน้ำสู่การสกัดไปจนถึงปลายน้ำที่เป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพตั้งอยู่ที่ถนนสุขุมวิท 103 ด้วยทุกกระบวนการตั้งแต่การเพาะปลูกด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงในโรงเรือนระบบปิด 100% ทำให้สามารถเฝ้าการเจริญเติบโตและควบคุมคุณภาพ ปราศจากสารกำจัดศัตรูพืช สารเคมีที่เป็นพิษเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ประสิทธิภาพที่บุคคลากรทางการแพทย์ให้การยอมรับ เช่น นวัตกรรมอาหารเสริม ยารักษาโรค ผลิตภัณฑ์เพื่อความงามและผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยง
บริษัทยังมีการวิจัยพัฒนาสูตรยาและอาหารเสริม โดยการผสมผสานเทคโนโลยีทางตะวันตก เข้ากับองค์ความรู้แพทย์แผนไทย โดยมีทีมงานวิจัยที่ร่วมกับคณะแพทย์ศาตร์และมีทีมงานนักเภสัชวิทยา ที่ร่วมกันพัฒนาสูตร โดยยึดหลักที่คำนึงถึงมาตรฐานและคุณภาพ ในมาตรฐานของผลิตภัณฑ์อันสูงสุด
ได้แก่ Safety & Toxicity ความปลอดภัยและไม่เป็นพิษ Consitency มาตรฐานในการผลิต Efficacy ประสิทธิภาพของสินค้า รวมทั้งร่วมมือจากภาครัฐ นักวิจัย บุคคลากรทางการแพทย์และคณาจารย์จากหลากหลายมหาวิทยาลัย ได้ทุ่มทุนวิจัยพัฒนาการสกัดกัญชาสำหรับการรักษามะเร็งที่ตอบสนองความต้องการของผู้ป่วยแต่ละราย เพื่อให้ผู้ป่วยถึงระดับการรักษาสุขภาพสูงสุดตามเจตนารมณ์ความมุ่งหวังของบริษัท
“เป้าหมายของบริษัทในอีก 3 ปีข้างหน้า คือมียอดขาย 2,000 ล้านบาท โดยบริษัทมีแผนขยายธุรกิจให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น ทั้งการร่วมกับบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ Energy Absolute วิจัยและพัฒนาการนำเส้นใยจากกัญชงไปใช้ในเชิงอุตสาหกรรมของพลังงานทดแทน เพื่อเป็นนวัตกรรมที่มีประโยชน์แก่มวลมนุษย์ในอนาคตมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงในกลุ่มวัสดุก่อสร้างด้วย”
นายพรชัย กล่าวว่า ด้วยศักยภาพของไทย พร้อมเป็นผู้นำกัญชาในเอเชียและระดับโลก โดยต้องทำใน 3 สิ่งได้แก่ 1. ต้องมีการลงทุนด้าน R&D และด้านวิทยาศาสตร์ต่อเนื่อง 2. ต้องออกกฎหมายที่ชัดเจนและสนับสนุนอุตสาหกรรมในทางที่ถูกต้องและสร้างสรรค์ 3. ต้องสร้างมาตรฐานและสร้างอุตสาหกรรมภายใต้ความร่วมมือของภาครัฐและเอกชน
ทั้งในด้านการพัฒนาบุคลากร , เทคโนโลยีและมาตรฐานอุตสาหกรรมให้เป็นที่ยอมรับ , มีมาตรฐานและการสนับสนุนจากภาครัฐในการพัฒนา การจดทะเบียนยา การรักษา รวมไปถึงภาคธุรกิจ เช่น อุตสาหกรรม อาหารเสริมที่ชัดเจน , ยกระดับการใช้พืชสมุนไพรร่วมกับการใช้กัญชา กัญชงและกระท่อม รวมไปถึงการให้ความรู้ ความเข้าใจ และการใช้ที่ถูกต้องกับผู้บริโภคทุกกลุ่ม ทุกวัยด้วย
หน้า 15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 ฉบับที่ 3,805 วันที่ 31 กรกฎาคม - 3 สิงหาคม พ.ศ. 2565