ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ Economic Intelligence Center (EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินว่าในปี 2022 ภาคการท่องเที่ยวมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น
ภาพรวมภาคการท่องเที่ยวในปี 2022 มีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นทั้งจากนักท่องเที่ยวต่างชาติและนักท่องเที่ยวชาวไทย
การฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวส่งผลให้ธุรกิจโรงแรมในปี 2022 มีแนวโน้มเริ่มฟื้นตัวได้มากขึ้นแต่ยังต้องพึ่งพารายได้จากนักท่องเที่ยวไทยเป็นหลัก
ในทำนองเดียวกัน ธุรกิจสายการบินสัญชาติไทยในปี 2022 มีแนวโน้มเริ่มทยอยฟื้นตัวจากที่หดตัวรุนแรงในปี 2020-2021 จากวิกฤต COVID-19 และมีมูลค่าราว 1.2-1.3 แสนล้านบาท (คิดเป็น 40% ของรายได้ปี 2019)
อย่างไรก็ดี การฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการบินยังเผชิญความท้าทายหลายประการที่จะสร้างความเสี่ยงต่อภาวะทางการเงินที่ค่อนข้างเปราะบาง ได้แก่
1.ภาระต้นทุนค่าใช้จ่ายและหนี้สินที่เร่งตัวขึ้นจากหลายปัจจัยโดยเฉพาะราคาน้ำมันเชื้อเพลิง
2.การฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีนที่ใช้เวลาค่อนข้างนาน
3.การฟื้นตัวของขีดความสามารถในการดำเนินการด้านการบิน
4.ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์
5.การแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจสายการบิน
ในระยะข้างหน้า EIC ประเมินว่านักท่องเที่ยวชาวไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง ขณะที่นักท่องเที่ยวต่างชาติมีแนวโน้มฟื้นตัวได้ดีขึ้น ซึ่งส่งผลให้ธุรกิจโรงแรมและธุรกิจการบินมีแนวโน้มฟื้นตัวกลับไปเทียบเท่าก่อนโควิดได้ในช่วงปลายปี 2024 และ 2025 เป็นต้นไป ตามลำดับ
นักท่องเที่ยวชาวไทยคาดว่าจะฟื้นตัวกลับไปที่ก่อนโควิดได้ในช่วงปี 2023 ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติมีแนวโน้มฟื้นตัวในช่วงปลายปี 2024 โดยนักท่องเที่ยวชาวไทยที่มีกำลังซื้อบางส่วนจะออกเดินทางท่องเที่ยวระหว่างประเทศมากขึ้น
ขณะที่นักท่องเที่ยวต่างชาติจะฟื้นตัวได้ดีจากนักท่องเที่ยวกลุ่มหลักของไทยอย่างนักท่องเที่ยวจีนที่คาดว่าจะกลับมาเดินทางระหว่างประเทศได้ในช่วงปี 2023 เป็นต้นไป ซึ่งจะส่งผลต่อเนื่องต่อการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวไทยที่พึ่งพารายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นหลัก และทำให้ธุรกิจโรงแรมและธุรกิจการบินของไทยเริ่มฟื้นตัวกลับไปเทียบเท่าก่อน COVID-19 ตั้งแต่ปลายปี 2024 เป็นต้นไป
อย่างไรก็ดีธุรกิจในภาคการท่องเที่ยวยังมีความท้าทายอีก 4 ประเด็นที่ต้องเผชิญในอนาคต
ทั้งนี้ EIC มองว่าธุรกิจโรงแรมและธุรกิจการบินต้องเร่งปรับกลยุทธ์เพื่อฟื้นตัวจากวิกฤต COVID-19 ดังต่อไปนี้
1.การกระจายความเสี่ยงและการหาช่องทางเพิ่มรายได้ในระยะยาว โดยลดการพึ่งพารายได้จากนักท่องเที่ยวกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งแล้วพิจารณานักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่เพิ่มเติม รวมถึงจากการใช้ประโยชน์สูงสุดของพื้นที่และปรับเปลี่ยนบริการที่เป็นรายได้เสริมให้เป็นธุรกิจหลัก เช่น การจัดงานตามเทศกาลและงานที่ร่วมมือกับท้องถิ่น การบริการอาหารและเครื่องดื่ม
2.การสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับนักท่องเที่ยว โดยการยกระดับการบริการที่หลากหลายเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของนักท่องเที่ยวแต่ละกลุ่มวัย เช่น การนำเทคโนโลยีมาใช้มากขึ้น การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ
3.การสร้างพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อสร้างโอกาสและมูลค่าทางธุรกิจ เช่น การร่วมมือกับธุรกิจด้านสุขภาพเพื่อรองรับการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ และการร่วมมือกับผู้พัฒนาแอปพลิเคชันเพื่อให้ลูกค้าได้เข้าถึงบริการได้ง่ายขึ้น
3 กลยุทธ์สำคัญของธุรกิจการบิน ได้แก่
1. การปรับตัวเพื่อตอบสนองพฤติกรรมผู้โดยสารที่เปลี่ยนแปลงไปจากวิกฤต COVID-19 และจากกลุ่มผู้เดินทางใหม่ เช่น การพัฒนาระบบการเดินทางแบบไร้สัมผัส การปรับรูปแบบบริการและโครงสร้างราคาให้เหมาะกับพฤติกรรมผู้โดยสารในปัจจุบัน และการเสนอ Personalized experience ในการเดินทาง
2. การมุ่งเน้นพัฒนาประสิทธิภาพในการดำเนินการและลดต้นทุน เช่น การบริหารจัดการปริมาณเที่ยวบิน ฝูงบิน และเส้นทางบินให้เหมาะสมกับสภาพตลาด การเร่งจองสล็อตการบินใหม่ที่ว่างจากช่วง COVID-19 การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการดำเนินการและพยากรณ์อนาคต และการใช้เครื่องบินรุ่นใหม่ที่ประหยัดพลังงานมากขึ้นและบินได้ระยะทางไกลขึ้น
3. เทรนด์ De-carbonisation และการสร้างความยั่งยืน เพื่อสนับสนุนเป้าหมายของอุตสาหกรรมในการเป็น Net zero emission ภายในปี 2050 และตอบสนองต่อพฤติกรรมผู้โดยสารในปัจจุบันที่รักษ์สิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น