นายอุฬาร จิ๋วเจริญ รองเลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เรื่อง ให้ ธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์เป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา พ.ศ. 2565 ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา แล้ว เพื่อดูแลผู้บริโภคให้ได้รับความเป็นธรรมจาก ธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์-จักรยานยนต์ ได้มากขึ้น
สำหรับการดำเนินการดังล่าว ถือเป็นหนึ่งในการดำเนินการเชิงรุก เพื่อเป็นการหามาตรการในการช่วยเหลือผู้บริโภคและแก้ไขปัญหาหนี้สินของผู้บริโภคที่ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์-รถจักรยานยนต์ ที่ได้รับความเดือดร้อนเกี่ยวกับรายได้และได้รับผลกระทบในการประกอบอาชีพ จากสถานการณ์โควิด-19 โดยกำหนดแนวทางควบคุม หากฝ่าฝืนจะมีโทษตามกฎหมาย
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
สำหรับอัตราโทษ หากผู้ประกอบการธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์-จักรยานยนต์ ทำผิดสัญญา ตามประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เรื่อง ให้ธุรกิจให้เช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์เป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา พ.ศ. 2565 จะได้รับโทษ ดังนี้
ทั้งนี้ภายใต้ประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา ควบคุมธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์-จักรยานยนต์ ที่ สคบ. ออกมาครั้งนี้ กำหนดสาระสำคัญไว้หลายส่วน สรุปได้ 4 ส่วนหลัก ดังนี้
1.การกำหนดกรอบอัตราดอกเบี้ยเช่าซื้อ มี 3 ประเภท
2.หากผู้บริโภคนำเงินมาชำระค่างวดครบก่อนกำหนด (ปิดบัญชี) จะได้รับส่วนลดดอกเบี้ยในการปิดค่างวดเป็นขั้นบันได มี 3 กรณี ดังนี้
3. ติ่งหนี้ในกรณีนำรถออกขายทอดตลาด
4. การคิดเบี้ยปรับในการผิดนัดชำระ
นายอุฬาร กล่าวว่า ประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เรื่อง ให้ธุรกิจให้เช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์เป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา พ.ศ. 2565 จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 10 มกราคม 2566 ซึ่งจะบังคับใช้เฉพาะสัญญาเช่าซื้อที่ทำตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม 2566 เป็นต้นไป ส่วนสัญญาเช่าซื้อที่ทำก่อนวันที่ 10 มกราคม 2566 ยังคงมีผลบังคับใช้ไปจนกว่าจะสิ้นสุดสัญญา
“ในช่วงระหว่างการรอให้กฎหมายมีผลบังคับใช้ สคบ. จะทำการชี้แจงกลุ่มส่วนต่าง ๆ ให้เข้าใจถึงกฎหมายการควบคุมสัญญาธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์-รถจักรยานยนต์ รวมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ผู้บริโภคเข้าใจถึงเรื่องนี้ด้วย” นายอุฬาร ระบุ