พลันที่มีชื่อ เศรษฐา ทวีสิน ซีอีโอแห่งแสนสิริ ปรากฏรายชื่อเป็น แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย ในการเลือกตั้งใหญ่ครั้งต่อไป หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ , หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ และ รายการ “Nation Insight” สัมภาษณ์พิเศษโดย 2 บรรณาธิการใหญ่เครือเนชั่น นายวีระศักดิ์ พงศ์อักษร และ นายบากบั่น บุญเลิศ ออกอากาศวันนี้ (31 ต.ค.) เวลา 17.30 น.
“เศรษฐา ทวีสิน” ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เรื่องแคนดิเดตนายกฯนั้น ปัจจุบันนี้ผมก็ยังอยู่ที่เดิมเหมือนเดิมทุกอย่าง ทำงานเหมือนเดิม แต่ต้องบอกก่อนว่าจริงๆ แล้วที่บอกว่าเป็น CEO สายคอลเอาต์ จะเป็นนักธุรกิจที่กล้าวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล ขออนุญาตชี้แจงตรงนี้จริงๆ แล้ว ไม่ได้วิพากษ์วิจาร์ณเหมือนคนทั่วไป
“ผมไม่พยายามใช้คำพูดที่ก้าวร้าว ผมพยายามหลีกเลี่ยงตรงนั้น แล้วผมพยายามเมกชัวร์ว่าคอมเมนต์ของผมเนี่ย constructive สร้างสรรค์นะครับ แล้วก็สำคัญมากกว่านั้นจริงๆ แล้ว 2 เรื่อง เรื่องแรกเนี่ยเราอายุ 60 แล้วนะครับ แล้วเราผ่านมาเยอะ แล้วก็เป็นเรื่องของประสบการณ์ เราสะสมมานานนะครับ แล้วผมคิดว่าในประสบการณ์ที่เราสะสมมาเนี่ย สิ่งที่เราได้พูดหรือว่าเราได้แสดงความคิดเห็นน่าจะเป็นประโยชน์ต่อสาธารณชน แล้วก็หวังว่าทางคณะรัฐบาลจะนำไปใช้บ้างไม่มากก็น้อยนะครับ”
นายเศรษฐา ยังกล่าวอีกว่า ในฐานะกรรมการผู้จัดการใหญ่ของแสนสิริ เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ล้อไปอย่างชัดเจนกับเรื่องของ GDP ถ้าเกิด GDP โตเราก็โต เราไม่มีทางสวนกับ GDP ได้ เพราะฉะนั้นความหวังดีของผมเนี่ยมันก็มีเรื่องของอยากให้เศรษฐกิจมันเจริญเติบโต เพราะเราเองเราก็ดีไปด้วย พนักงานที่ผมรับผิดชอบอยู่ 4,000 กว่าคน องคาภยพทั้งหลาย จะเป็น supplier จะเป็นลูกค้า จะเป็นผู้รับเหมา เหล่านี้ก็ได้อานิสงส์ไปด้วยเหมือนกัน ในฐานะนักธุรกิจถูกมองว่าเป็นสายคอลเอาต์ มีความคิดในเรื่องนี้อย่างไร ต้องบอกตามตรงว่าครอบครัวรับราชการก็ไม่ได้รับ จริงๆ แล้วมาจากพ่อค้าคนจีน ถึงแม้คุณพ่อผมจะเป็นทหารมาก่อน แต่ท่านก็เสียชีวิตไปตั้งแต่ผม 3 ขวบ
มุมมองกับการเมือง
เศรษฐา บอกกว่า เพราะฉะนั้นเรื่องของ การเมืองจริงๆ แล้วไม่ได้อยู่ในหัว แต่ว่าหน้าที่ในฐานะพลเมืองคนไทยคนนึง หน้าที่ที่อยากเห็นบ้านเมืองเจริญก้าวหน้าไปได้ด้วยดี ผมถือว่าเป็นหน้าที่ของคนไทยคนนึง หุ้นส่วนประเทศคนนึง อันนี้ผมถือว่าเป็นหน้าที่ แล้วก็ถ้าเกิดในแง่ของการเมือง ในเรื่องของประชาธิปไตยเป็นเรื่องสำคัญ โดยส่วนตัวผมผมมีความเชื่อทางด้านเรื่องการปกครองระบอบประชาธิปไตย
ไม่เห็นด้วยเรื่อง ส.ว. เลือกโดยคน 10 คน
ในส่วนเรื่องของ รัฐธรรมนูญ ถึงแม้จะบังคับอยู่ปัจจุบัน ยังไงก็เป็นกฎกติกาที่เราตกลงจะอยู่ร่วมกัน ถึงแม้จะเห็นด้วยไม่เห็นด้วย ทุกคนก็ต้องเคารพ ในส่วนตัวผมผมก็เคารพ แต่ถ้าถามว่าเห็นด้วยไหม เห็นด้วยบ้าง ไม่เห็นด้วยบ้าง บางเรื่องอย่างเช่นเรื่อง ส.ว. ไม่เห็นด้วย เพราะเลือกโดยคน 10 คน แล้วก็มีเสียงตั้ง 250 เสียง เพราะฉะนั้นตรงนี้เนี่ยไม่ได้บอก ต้องยืนยันว่าไม่ได้บอกว่า ส.ว. ไม่มีความสามารถ เป็นคนไม่ดี แต่ที่มาที่ไปไม่ถูกต้องนะครับ อันนี้ก็เป็นข้อนึงของรัฐธรรมนูญที่ผมคิดว่ายังมีทางแก้ไขได้นะ
เปิดใจนักการเมืองสนใจเข้าร่วมพรรค
ผมว่าเรื่องสำคัญที่สุดคือผมเป็นคนมีเพื่อนเยอะ (นี่ขนาดไม่ได้เรียนตามสักหลักสูตรยังมีเพื่อนเยอะขนาดนี้) ไม่ได้เรียนเลย อายุ 60 กว่าแล้ว ผมก็เล่นฟุตบอลมมาอะไรมาก็มีเพื่อนเยอะ แล้วก็อาจจะเป็นเรื่องของความใหม่มั้ง very refreshing มากกว่าในแง่ของความคิด ในแง่ของวิธีการนำเสนอ ในแง่ของวิธีการพูด แล้วก็ที่บอกว่าอายุมันอาจจะได้พอเหมาะพอเจาะมั้ง แล้วเราเองเราก็ ผมเห็นว่าเรื่องของหน้าที่เป็นเรื่องสำคัญ หน้าที่ต่อในฐานะที่เราเป็นคนไทยคนนึง ในฐานะที่เราเป็นคนที่อยู่ในวงการธุรกิจมานานเนี่ย หน้าที่ในการที่จะช่วยเหลือประเทศชาติมันก็มีหลายๆ บริบทที่เราก็สามารถทำได้ เป็นนักธุรกิจปัจจุบัน เป็นนักสังคมสงเคราะห์ หรือจะเป็นนักการเมืองก็ได้ (เราไม่ได้ปิดกั้นตรงนั้น) เราไม่ได้ปิดกั้นนะครับ แต่ว่ามันต้องอยู่ในสภาวะที่เหมาะสม แล้วก็ที่มาที่ไปต้องถูกต้องนะครับ อันนี้สำคัญมาก
ผู้นำประเทศในมุมองบิ๊กแสนสิริ
เศรษฐา บอกอีกว่า การปกครองระบอบประชาธิปไตย ผู้นำประเทศสูงสุดจะมาได้ต้องมาจากประชาชน เพราะฉะนั้นการเอาประชาชนเป็นที่ตั้งสำคัญ ประชาชนเลือกใคร เลือก ส.ส. ไปเป็นตัวแทนของแต่ละจังหวัด เพราะฉะนั้น ผู้นำสูงสุด หัวหน้าคณะรัฐบาล ผมว่าต้องฟังเสียงจาก ส.ส. นะครับ (เพราะ ส.ส. คือที่มาจากประชาชน) ไม่มีทางที่จะไปจังหวัดนครราชสีมาแล้วก็ฟัง 15 ล้านเสียงได้ หรือว่าจากกรุงเทพฯ ฟัง มันก็มีตัวแทน ซึ่งเราก็ต้องฟัง ผ่านระบบตัวแทนมานะครับ ในฐานะผู้นำรัฐบาลเองก็มีขีดจำกัดในการที่จะทำได้หลายๆ เรื่อง หลายๆ อย่าง แต่อะไรที่ทำได้ อะไรที่ฟังได้ เข้าถึงได้ ผมว่าเป็นเรื่องสำคัญ เรื่องของ inclusive เรื่องของการที่ต้องฟังจากประชาชน ไม่ใช่จาก ส.ส. อย่างเดียว จากนักธุรกิจ จาก NGO จากผู้สื่อข่าวนะครับ จากทุกๆ สถาบัน
นั่งนายกฯ ลุย4วาระเร่งด่วน
หากเกิดแลนด์สไลด์และได้เข้าไปบริหารประเทศ 4 อย่างที่อยากทำเพื่อให้เกิดเปลี่ยนแปลงในฐานะเบอร์หนึ่งของประเทศมีอะไรบ้างนั้น เศรษฐา กล่าวว่า 4 เรื่องใหญ่ กล่าวคือ 1.เรื่องปากท้อง เป็นวาระเร่งด่วนที่ต้องทำอย่างเต็มที่ 2.เรื่องรัฐธรรมนูญ ต้องมีการแก้ไข 3. เรื่องภูมิศาสตร์การเมืองระหว่างประเทศ (Geopolitics) ไทยต้องมีจุดยืนที่เด่นชัดภายใต้ความอ่อนน้อมถ่อมตนแต่ต้องมีตัวตนที่มีศักดิ์ศรีบนเวทีการค้าโลก
“เราไม่สามารถไปอิงกับสหรัฐ รัสเซียได้ เพราะทุกฝ่ายต้องการบางอย่างจากเราแตกต่างกันไป เราสามารถให้ซูเปอร์เพาเวอร์แตกต่างกันไป”
และ 4.เรื่องสิทธิเสรีภาพ ความเสมอภาค กฏหมายที่นำมาซึ่งความเสมอภาคไม่ว่าจะเพศสภาพ ถือเป็นซอฟท์พาว์เวอร์ของคนไทย.