นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงกรณีรัฐบาลออกกฎหมายเปิดทางให้ต่างชาติซื้อที่ดินในไทย โดยออกเป็นร่างกฎกระทรวงการได้มาซึ่งที่ดินเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยของคนต่างด้าว ตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนโดยการดึงดูดคนต่างด้าวที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย พ.ศ. …. โดยระบุว่า
“เรื่องนี้ไม่ใช่การขายชาติ เพราะกฎหมายนี้ก็ออกมาตั้งแต่ปี 2542 ถ้าขายก็ต้องขายตั้งแต่ปี 2542 แล้ว เพราะกฎหมายออกปีนั้น และหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ก็กำหนดมาตั้งแต่ปี 2545 แล้ว”
ทั้งนี้ยืนยันว่า ในข้อกฎหมายต่างชาติซื้อที่ดินในไทย ที่ปรับเปลี่ยนในครั้งนี้ก็มีแค่เพียงเรื่องระยะเวลาการคงเงินลงทุน ซึ่งในมุมมองคงไม่จำเป็นที่จะต้องทบทวนอะไร แต่เนื่องจากเป็นการแก้กฎกระทรวงก็สามารถที่จะพิจารณาเปลี่ยนแปลงได้ ไม่ใช่การแก้ไขในระดับ พ.ร.บ.ซึ่งเราก็ทดลองที่จะทำดู หากครบกำหนดระยะเวลาแล้วมีปัญหาก็สามารถที่จะปรับเปลี่ยนและยกเลิกได้เมื่อใช้ไปในระยะเวลาหนึ่ง
นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ตนจะไปตอบกระทู้สดที่สภาผู้แทนราษฎร และพร้อมที่จะชี้แจงให้ทุกฝ่ายเข้าใจ โดยสาระสำคัญของกฎกระทรวงฉบับนี้ไม่ได้แตกต่างไปจากเดิมเป็นเพียงการปรับเรื่องระยะเวลาจากการคงเงินลงทุนจากเดิม 5 ปีเป็น 3 ปี
ขณะเดียวกัน กฎกระทรวงฉบับนี้ยังมีความเข้มงวดมากขึ้น เพราะเป็นการพิจารณารวมกับเรื่องการให้วีซ่าระยะยาวกับชาวต่างชาติ (LTR) ซึ่งมีกลุ่มที่กำหนดไว้ 4 กลุ่ม ต่างจากเดิมที่ใครก็ได้ที่เข้ามาลงทุนตามเงื่อนไขแล้วซื้อที่ดินในไทยได้
ทั้งนี้ประเทศไทย ถือว่าเป็นประเทศส่วนน้อยที่วางกฎหมายเรื่องนี้ไว้เข้มงวด เมื่อเทียบกับหลายประเทศลองไปดูได้ว่าเขามีกฎหมายในเรื่องนี้ที่ผ่อนปรนมากกว่าไทยไม่ว่าจะเป็น ญี่ปุ่น สหรัฐฯ มาเลเซีย และสิงคโปร์
ส่วนกรณีที่มีข้อเสนอให้มีการปรับเปลี่ยนเป็นการเช่าที่ดินระยะยาวแทนได้หรือไม่ ยอมรับว่า สามารถทำได้แต่การเช่าที่ดินของต่างชาตินั้นมีการกำหนดเป็น พ.ร.บ. ที่ให้มีการเช่าที่ดินได้ 30 ปี และต่อได้อีก 30 ปี หากจะแก้ไขในส่วนนี้ก็ต้องแก้ พ.ร.บ.แทน แลต้องดูระยะเวลาในการเช่าที่เหมาะสมก่อนด้วย