‘พาณิชย์’ โชว์ผลสำเร็จศก.อาเชียน - การพัฒนายั่งยืน ที่ประชุมสุดยอดอาเซียน

13 พ.ย. 2565 | 03:55 น.
อัปเดตล่าสุด :13 พ.ย. 2565 | 13:14 น.

รมช.พาณิชย์ เผยอาเซียนเน้นย้ำเสริมสร้างความแข็งแกร่งในภูมิภาค เร่งรัดการฟื้นฟูเศรษฐกิจจากวิกฤต มุ่งเตรียมความพร้อมสู่อนาคต ทั้งการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคดิจิทัล และการพัฒนาที่ยั่งยืน ชงผลสำเร็จให้ที่ประชุมสุดยอดอาเซียน

นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้รับมอบหมายจากรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ให้เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมคณะมนตรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC Council) ครั้งที่ 21 กล่าวว่า ในปี 2564 ที่ผ่านมา เศรษฐกิจของอาเซียนเติบโต 3.4% และคาดการณ์ว่าในปีนี้จะขยายตัวถึง 5.1% และ 5.0% ในปี 2566 ซึ่งเป็นผลจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจหลังโควิด-19 อย่างไรก็ดี ที่ประชุมเห็นว่าประเด็นความท้าทายด้านการเมืองระหว่างประเทศ ความมั่นคงทางพลังงานและอาหาร จะส่งผลต่อความเชื่อมโยงในระบบห่วงโซ่อุปทานโลก และการไหลเวียนเงินทุนมาสู่ประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งรวมถึงอาเซียนด้วย ดังนั้น อาเซียนจึงเน้นย้ำเสริมสร้างความแข็งแกร่งของภูมิภาค เพื่อช่วยเร่งรัดการฟื้นฟูเศรษฐกิจจากวิกฤตต่างๆ


กัมพูชาในฐานะประธานอาเซียนได้ผลักดันการดำเนินการของอาเซียนภายใต้แนวคิดหลัก “อาเซียน เอ.ซี.ที : รับมือความท้าทายร่วมกัน (ASEAN A.C.T.: Addressing Challenging Together)” โดยมีความสำเร็จที่สำคัญในส่วนของเสาเศรษฐกิจ อาทิ การส่งเสริมการพัฒนาระบบนิเวศสำหรับวิสาหกิจเริ่มต้นด้านดิจิทัลในอาเซียน แผนงานเพื่อสนับสนุนการดำเนินการตามกรอบเศรษฐกิจหมุนเวียนสำหรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน การประกาศการเจรจากรอบความตกลงว่าด้วยการแข่งขันของอาเซียน การประกาศการเจรจายกระดับความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน การสรุปผลการเจรจายกระดับความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์อย่างมีนัยสำคัญ 

ผลสำเร็จของการดำเนินการดังกล่าวจะเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ลดช่องว่างการพัฒนา และทำให้การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจของอาเซียนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น รวมทั้งช่วยสร้างความยืดหยุ่นให้อาเซียนในการรองรับผลกระทบจากวิกฤต ซึ่งจะจัดทำรายงานผลลัพธ์จากการดำเนินการทั้งหมดเสนอต่อที่ประชุมสุดยอดอาเซียนด้วย” นายสินิตย์เสริม


อาเซียนได้หารือถึงการเตรียมความพร้อมสู่อนาคต โดยมีไฮไลท์ 2 เรื่องสำคัญ คือ การเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคดิจิทัล โดยจัดตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อเร่งดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์อาเซียนในประเด็นการปฏิวัติอุตสาหกรรม ครั้งที่ 4 (4IR) และแผนงานบันดาร์เสรีเบกาวัน ตลอดจนการศึกษาเกี่ยวกับการจัดทำความตกลงกรอบเศรษฐกิจดิจิทัลอาเซียน ซึ่งจะสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมมาเพิ่มโอกาสทางการค้าและการพัฒนาเศรษฐกิจอาเซียน และช่วยลดต้นทุนที่เกิดจากการทำธุรกรรมและโลจิสติกส์ให้กับภาคเอกชน โดยเฉพาะในกลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และการพัฒนาที่ยั่งยืน 

ทั้งนี้ ได้เสนอให้ผู้นำรับรองเอกสารสำคัญ 2 ฉบับ ต่อที่ประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 40 และ 41 ในวันที่ 11-13 พ.ย.นี้  คือ แผนดำเนินงานตามกรอบการพัฒนาเศรษฐกิจหมุนเวียน ปี 2566-2573 ซึ่งเป็นแนวทางที่อาเซียนจะนำระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนมาปรับใช้ให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืน และเอกสารแนวคิดเรื่องยุทธศาสตร์อาเซียนเพื่อความเป็นกลางทางคาร์บอน ซึ่งมีเป้าหมายช่วยเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจของภูมิภาค เช่น ทำให้อาเซียนเป็นแหล่งดึงดูดการลงทุนด้านการปล่อยคาร์บอนต่ำ และช่วยส่งเสริมนวัตกรรมตลอดห่วงโซ่มูลค่า เป็นต้น


นอกจากนี้ ที่ประชุมได้รับทราบความคืบหน้าในการจัดทำองค์ประกอบหลักของร่างวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียน ภายหลังปี 2568 (Post-2025 Vision) ในส่วนของเสาเศรษฐกิจ ซึ่งจะไปรวมเป็นส่วนหนึ่งของวิสัยทัศน์ฯ ฉบับใหม่ ที่จะเสนอให้ผู้นำอาเซียนรับรองในปี 2568 ตลอดจนผลการประเมินเชิงลึกถึงความพร้อมของติมอร์-เลสเต เข้าร่วมเป็นสมาชิกของอาเซียน เพื่อเสนอต่อผู้นำอาเซียนต่อไป  

 

ในปี 2564 มูลค่าการค้าระหว่างไทยกับอาเซียน มีมูลค่า 110,868.81 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไทยเกินดุล 19,430.77 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ ไทยส่งออกไปอาเซียนมูลค่า 65,149.79 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และนำเข้าจากอาเซียนมูลค่า 45,719.02 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับในช่วง 9 เดือน (ม.ค. - ก.ย. 2565) การค้าระหว่างไทยกับอาเซียน มีมูลค่า 96,850.57 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ร้อยละ 20 โดยไทยส่งออกไปอาเซียนมูลค่า 55,997.16 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และนำเข้าจากอาเซียนมูลค่า 40,853.41 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตลาดส่งออกและแหล่งนำเข้าสำคัญของไทย ได้แก่ มาเลเซีย เวียดนาม อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และฟิลิปปินส์