นายกฯเผยสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 30 ก้าวหน้าหลายเรื่อง
วันนี้ (2 พฤษภาคม 2560) เวลา 13.00 น. ณ บริเวณห้องโถง ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อสื่อมวลชนภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีถึงเรื่องการเดินทางไปเยือนสาธารณรัฐบาห์เรนและการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 30 ว่า มีความก้าวหน้าในหลายเรื่องทั้งการค้าและการลงทุน การท่องเที่ยว สาธารณสุข การเกษตร รวมถึงช่องทางในการส่งออกอาหารฮาลาลและสินค้าเกษตรแปรรูปไปยังกลุ่มประเทศความร่วมมืออ่าวอาหรับ (Gulf Cooperation Council: GCC) ไทยก็มีความร่วมมือกับบาห์เรนในลักษณะThailand+1 ที่จะทำกับบาห์เรนและกลุ่มประเทศอาหรับ
นอกจากนี้ ทางบาห์เรนในฐานะผู้ประสานงานฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับซาอุดิอาระเบีย มีแผนงานที่จะประชุมร่วมกันเร็วนี้ๆ สำหรับความสัมพันธ์ไทย-ซาอุดิอาระเบีย ทั้งสองฝ่ายมีหลักการว่าจะประสานความสัมพันธ์ให้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น และรัฐบาลมีแผนจะให้รองนายกรัฐมนตรีเดินทางเยือนซาอุดีอาระเบียในอนาคต
สำหรับการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 30 ที่สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ประเทศสมาชิกได้หารือหลายมิติทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และมีการเจรจาตกลงทางการค้าที่ก้าวหน้ามากขึ้น สำหรับวิกฤตการณ์ในเกาหลีเหนือ ไทยและประเทศสมาชิกอาเซียนตกลงกันว่าจะให้ประเทศมหาอำนาจได้ตกลงและหารือร่วมกันเพื่อหาแนวทางปฏิบัติอย่างสันติวิธีกับเกาหลีเหนือ ส่วนปัญหาในทะเลจีนใต้ ขณะนี้กำลังเดินหน้าไปสู่การจัดทำแนวปฏิบัติในทะเลจีนใต้ (Code of Conduct: CoC) ซึ่งมีพัฒนาการที่ดีเพราะจีน ฟิลิปปินส์ และอาเซียน ได้หารือกันอย่างต่อเนื่อง ส่วนในระหว่างนี้ที่ประชุมเสนอให้ทำตามปฏิญญาว่าด้วยแนวปฏิบัติของภาคีในทะเลจีนใต้ (Declaration on the conduct of Parties in the South China Sea: DoC) ไปก่อน อาทิ การสร้างความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมในทะเล การรักษาเส้นทางการเดินเรือโดยเสรีและปลอดภัย เพื่อให้เป็นทะเลแห่งสันติภาพ ความมั่งคั่ง และผลประโยชน์ร่วมกัน
สำหรับการสนทนาทางโทรศัพท์กับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ฯ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้สนทนากับประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยได้แสดงความยินดีที่ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐ ฯ คนที่ 45 พร้อมชื่นชมในความสำเร็จในการบริหารประเทศในช่วง 100 วันที่ผ่านมา และยืนยันต่อประธานาธิบดีสหรัฐฯ ว่า ไทยพร้อมร่วมมือกับสหรัฐฯในทุกด้านเพื่อทำให้เกิดสันติภาพ ความมั่นคง มั่งคั่ง และเสถียรภาพ มาสู่ภูมิภาคและโลกด้วย ด้านประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้กล่าวขอบคุณถึงความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐฯ ที่มีความเป็นพันธมิตรมายาวนาน 184 ปี และชื่นชมความก้าวหน้าของประเทศไทยภายใต้การบริหารงานของรัฐบาลปัจจุบัน และยืนยันว่า ไทยเป็นพันธมิตรที่สำคัญของสหรัฐฯ ทั้งสองฝ่ายจะมี