“สวัสดิ์ หอรุ่งเรือง”  สอนผ่านวิกฤติ ล้มละลายแค่ 3 ปี ชีวิตเริ่มต้นใหม่ได้

22 พ.ย. 2565 | 13:01 น.
อัปเดตล่าสุด :22 พ.ย. 2565 | 20:12 น.

“สวัสดิ์ หอรุ่งเรือง” สอนเทคนิค แนวคิด ผ่านวิกฤติ ล้มละลายแค่ 3 ปี ชีวิตเริ่มต้นใหม่ได้ ต้องมีสติ พร้อมห่วงคนรุ่นใหม่ตกงาน เหตุเทคโนโลยีแทนแรงงานคน

นายสวัสดิ์ หอรุ่งเรือง ประธานกรรมการ บริษัท ศรีราชา ฮาร์เบอร์ จำกัด (มหาชน) เจ้าของวลีดัง “ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย”บรรยาย ในหัวข้อ “ถอดบทเรียน ก้าวผ่านวิกฤติใหญ่” หนึ่งในหลักสูตรของ "Wealth of Wisdom" หรือ “WoW” หลักสูตรเพื่อขุมทรัพย์แห่งปัญญา ว่า สิ่งสำคัญเมื่อเจอปัญหาคือ อย่าขาดสติ ต้องระลึกเสมอว่า ล้มละลาย มีอายุแค่ 3 ปี จากนั้น เริ่มต้นใหม่ได้

สวัสดิ์ หอรุ่งเรือง ประธานกรรมการ บริษัท ศรีราชา ฮาร์เบอร์ จำกัด (มหาชน)

นายสวัสดิ์ ได้เล่าถึงช่วงชีวิตของตนเอง ที่ผ่านวิกฤติในช่วงต้มยำกุ้งมาว่า ปี 1997 มีหนี้ถึง 2,700 ล้านดอลลาร์ ค่าเงินบาทจาก 26 ทยอยปรับขึ้นและทะลุไปที่ 40 บาท ครั้งนั้นตนถูกสัมภาษณ์ จึงกล่าวไปว่า “ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย” ใช้วิธีปรับโครงสร้างหนี้โดยเปลี่ยนหนี้ให้เป็นทุน ตัดดอกเบี้ยทิ้ง เอาเฉพาะเงินต้น และให้เจ้าหนี้มาเป็นเจ้าของธุรกิจ

 

ตนเองนั้นเรียนน้อย แต่รู้มาก ผ่านพ้นวิกฤติและประสบความสำเร็จมาได้ เพราะเทคนิคนอกตำรา ประกอบกับการมีเพื่อนที่ดี และที่ปรึกษาที่ดี ใช้การต่อรอง ประกอบกับลูกล่อลูกชนต่างๆ  เมื่อครั้งได้เข้ามาเป็นสมาชิกวุฒิสภา นายสวัสดิ์ ได้ขับเคลื่อนการแก้ไขกฎหมายล้มละลาย พ.ศ. 2483 ที่กำหนดให้ผู้ล้มลายมีระยะเวลาถึง 10ปี และเมื่อครบระยะเวลา ยังต้องถามเจ้าหนี้ และศาลก่อนว่าจะยินดีให้พ้นจากการเป็นผู้ล้มละลายหรือไม่ ตนมองว่า หากเป็นเช่นนั้น คนทำธุรกิจผิดพลาด จะไม่มีทางได้ฟื้นจึงเสนอให้มีการแก้กฎหมาย โดยสุดท้ายเหลือเพียง 3 ปี 

จึงย้ำว่า หากเจอวิกฤติ สิ่งสำคัญคือ 1. อย่าขาดสติ เพราะการล้มละลายเป็นคดีแพ่งมีอายุเพียง 3 ปี ก็เริ่มต้นชีวิตใหม่ได้ 2. ต้องปฏิสัมพันธ์กับผู้คน พร้อมระบุว่าวันนี้กับอดีตไม่เหมือนกัน ไม่มีเพื่อนแท้ ความสัมพันธ์ของมนุษย์หายไป การทำธุรกิจต้องเรียนรู้บุคลิกของคน การเจรจาต้องคุยต้องเห็นหน้า ตาต่อตาฟันต่อฟัน ห้ามเจรจาผ่านเครื่องมือ การสื่อสารจะสมบูรณ์ต้องปฏิสัมพันธ์กัน

 

“หนี้เม็ดเงิน ไม่ต้องจ่ายด้วยชีวิต” นายสวัสดิ์ย้ำอีกครั้ง พร้อมเล่าว่า เคยกล่าวกับเพื่อนว่า หากใครฆ่าตัวตาย เพราะหนี้จากวิกฤติต้มยำกุ้ง ตนจะไม่ไปร่วมงานศพ และไม่มีแม้แต่พวงหรีด ชีวิต เกียรติยศไม่มีน้ำหนักควรทิ้งไป พร้อมยกคำสอนจาก พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ ว่า ชีวิตต้องเป็นเหมือนสนต้องลม ต้องแข็งได้  อ่อนได้ วิกฤติต้มยำกุ้งสอนให้ตนรู้จักอ่อนเพื่อเอาตัวรอด

 

ในช่วงท้าย ได้กล่าวถึงสภาพเศรษฐกิจ สังคมในยุคปัจจุบันว่า เห็นใจพ่อแม่ของเด็กรุ่นใหม่ เห็นใจเด็กรุ่นใหม่ไม่มีงานทำ สมัยก่อนที่สร้างนิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด คนมาทำงานเป็นล้านคน แต่ตอนนี้เทคโนโลยีใหม่เข้ามาโดยใช้หุ่นยนต์ ตนไม่รู้จะแนะนำการเรียนอะไรแล้ว การใช้เทคโนโลยีมีทั้งดีและไม่ดี สิ่งสำคัญคือคนจะตกงานเยอะ และกำลังซื้อไม่มี คนไทยจะตายเอง ยุโรป อเมริกาเริ่มเจอปัญหานี้ โลกนี้มีแต่กำลังซื้อเทียม ไม่มีกำลังซื้อจริง

 

อยากให้รัฐบาลออกนโยบายอภัยโทษเรื่องภาษีในอดีต ออกกฎหมายพร้อมกับบทลงโทษ เพราะวันนี้เงินสีเทาเต็มไปหมด ให้ทุกคนมาดีแคลร์ ใครคิดว่าเสียภาษีถูกต้องมาชั่วชีวิตก็จบ ใครมีเงินในเมืองนอกให้โอนกลับมาและไม่ปรับ ให้คนไทยได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ จะเห็นว่าคนดี ๆ ไม่อยากเข้าไปข้องเกี่ยวกับการเมือง วันนี้ไม่เห็นอนาคตประเทศไทยเลย วันนี้ไม่เห็นอนาคตประเทศไทยเลย