รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ เห็นชอบ การเก็บภาษีขายหุ้น หรือ การจัดเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะจากการขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ โดยออกเป็นร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราภาษีธุรกิจเฉพาะและกำหนดกิจการที่ได้รับยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะ ฉบับที่.. พ.ศ. ....
โดย การเก็บภาษีขายหุ้น ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอในอัตรา 0.10% โดยเก็บภาษีจากธุรกรรมการขายหุ้น (Transaction Tax) ในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งคำนวณจากรายรับก่อนหักรายจ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น
ทั้งนี้ในการดำเนินการ จะต้องเสียภาษีในอัตรา 0.10% (อัตราตามมาตรา 91/6(1)) ของมูลค่าที่ขาย แต่ในปีแรกจะมีการเก็บภาษีก่อนในอัตรา 0.055% เมื่อรวมภาษีท้องถิ่น
อย่างไรก็ตามในการจัดเก็บภาษีดังกล่าว ที่ผ่านมาได้รับการยกเว้นมาตั้งแต่ปี 2534 ตามพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 240) พ.ศ.2534 จนถึงปัจจุบัน เบื้องต้นคาดว่า การจัดเก็บรายได้ส่วนนี้จะทำให้ภาครัฐได้รายได้เพิ่มขึ้น 1 - 2 หมื่นล้านบาทต่อปี
คลังคาดมีผล 3 เดือนหลังประกาศลงราชกิจจาฯ
ด้าน นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวภายหลังว่า ล่าสุดได้ส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตรวจสอบร่างกฎหมายหลังจากผ่านครม. และเมื่อกฎหมายฉบับนี้ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาแล้ว จะมีผลบังคับใช้ต่อไปภายในระยะเวลา 3 เดือน
โดย การเก็บภาษีขายหุ้น ครั้งนี้ จะยกเว้นในส่วนของกองทุนต่าง ๆ เช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนประกันสังคม คาดว่า การจัดเก็บภาษีขายหุ้นครั้งนี้ จะสร้างรายได้ประมาณ 1.5-1.6 หมื่นล้านบาทต่อปี
ตลท. เร่งหารือโบรกรับมือเก็บภาษีขายหุ้น
ต่อมา นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวถึงกรณีมติครม. เห็นชอบการเก็บภาษีหุ้น ว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ กำลังร่วมกับสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย เตรียมการสำหรับกระบวนการจัดเก็บภาษีหุ้น เพื่อให้มีภาระต้นทุนที่ต่ำ และมีประสิทธิภาพในการทำงานของทั้งอุตสาหกรรม
นอกจากนี้ จะมีการเตรียมข้อเสนอในรายละเอียดการจัดเก็บภาษีให้กับกระทรวงการคลัง เพื่อไม่ให้เกิดการจัดเก็บภาษีซ้ำซ้อนจากผู้ลงทุนในบางประเภทธุรกรรมหากมีการจัดเก็บ ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะแจ้ง ข้อมูลความคืบหน้าให้ทราบต่อไป