นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึง การเก็บภาษีซื้อขายหุ้น (transaction tax) ในงานเสวนา “ถอดบทเรียน ฝ่าวิกฤต” หลักสูตร Wealth of Wisdom ว่า ภาษีขายหุ้น และภาษีมรดกเป็น เป็นช่องทางที่สามารถหารายได้เข้ารัฐได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ และสามารถนำรายได้เหล่านั้น มาลดปัญหาความเหลื่อมล้ำในประเทศไทยได้
"การแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำต้องใช้เงิน ซึ่งมาได้ 2 ทาง คือการกู้เงิน และการหารายได้เพิ่ม การกู้เงิน หากกู้มาก ก็ถูกว่า ต้องใช้หนี้กันเจ็ดชั่วโคตร อีกทางของการหารายได้ก็คือ การเก็บภาษีเพิ่ม ซึ่งก็ควรเก็บเอากับคนรวย เช่น การเก็บภาษมรดก ภาษีที่ดิน และภาษีซื้อขายหุ้น"
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ส่วนตัวมองว่า ภาษีซื้อขายหุ้น แม้เก็บเพียง 25 สตางค์ทุกครั้งที่มีการซื้อขาย ก็สามารถสร้างรายได้เข้ารัฐเป็นกอบเป็นกำ โดยโบรกเกอร์ ต้องพัฒนาระบบเพื่อนำส่ง แต่หากจะเก็บในรูปแบบของภาษีกำไรขายหุ้น (capital gains tax) เชื่อว่า จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้จริง เนื่องจากโบรกเกอร์ต้องใช้เงินลงทุนพัฒนาระบบเป็นหมื่นล้านบาท เพื่อให้ทราบข้อมูล กำไร ขาดทุน จนทราบมูลค่าสุทธิ
นายเศรษฐา กล่าวต่อไปว่า ภาษีมรดกที่บังคับใช้อยู่นั้น มีการงดเว้นการเก็บที่ 100 ล้านแรก จะเริ่มคิดภาษีหลังจากนั้น ยกตัวอย่าง หากมีมรดก 101 ล้านบาท จะเสียภาษีแค่ 5% ของ 1,000,000 บาท เท่ากับว่า มรดก 101 ล้านบาท ประเทศไทยจ่ายภาษีเพียง 50,000 บาท เท่านั้น ในขณะที่ประเทศอื่นๆ ต้องจ่ายถึง 40% ประเทศญี่ปุ่นจ่าย 50%