“กองสลากพลัส” หนาว นายกฯ ลุยเองสั่งสอบภาษี-เช็คเส้นทางเงิน

ฐานเศรษฐกิจเกาะติดกรณีการดำเนินธุรกิจของ “กองสลากพลัส” มาอย่างต่อเนื่อง หลังจาก นอท พันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ CEO บริษัท ลอตเตอรี่ออนไลน์ จำกัด ซึ่งขายลอตเตอรี่ออนไลน์กองสลากพลัส โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก ว่า ปี 2565 นี้บริษัทมียอดขาย 18,000 ล้านบาท จนทำให้กรมสรรพากร เตรียมลุยตรวจสอบภาษี

ล่าสุด แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยกับฐานเศรษฐกิจว่า ขณะนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เรียกผู้บริหารสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เข้ามาหารือถึงเรื่องการทำธุรกิจของกองสลากพลัส เป็นการด่วน โดยเฉพาะเรื่องการตรวจสอบภาษี หลังจาก พันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ ระบุว่ามียอดขายปีนี้สูงถึง 1.8 หมื่นล้านบาท

“นายกฯ ได้ขอให้ผู้บริหารสำนักงานสลากฯ ดึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI เจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมถึงหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องร่วมมือกันตรวจสอบ โดยเฉพาะเรื่องเส้นทางเงินว่ามายังไง ทำธุรกิจแบบไหน มีอะไรที่เกี่ยวข้อง”

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

• “กองสลากพลัส”งานเข้า สรรพากรลุยสอบภาษี
• ผ่างบ“กองสลากพลัส”ทุนจดทะเบียน 5 ล้านซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายบอลไทย
• เปิดขุมข่าย “กองสลากพลัส” อาณาจักรหวยออนไลน์ 1.8 หมื่นล้าน

อย่างไรก็ตามนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ผู้ที่เกี่ยงข้องทั้งหมดเร่งตรวจให้เสร็จภายใน 15 วัน ก่อนจะมารายงานให้รับทราบอีกครั้งในช่วงหลังปีใหม่ 2566

สำหรับกรณีการดำเนินธุรกิจของ “กองสลากพลัส” นั้น ที่ผ่านมาได้สร้างกระแสฮือฮา หลังจาก นายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ ประกาศทุ่มเงิน 67 ล้านบาท เพื่อเป็นผู้สนับสนุนหลักซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน 2022 หรือ “AFF Mitsubishi Electric Cup 2022” ที่ทีมชาติไทยลงแข่งขัน ให้คนไทยได้ชมฟรี จนทำให้ถูกตั้งข้อสังเกตว่า นำเงินจากไหนมาซื้อ เพราะผลประกอบการปี 2564 มีกำไรแค่ 9.3 ล้านบาท

แม้ต่อมา นอท พันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ CEO บริษัท ลอตเตอรี่ออนไลน์ จำกัด จะโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว แจ้งว่า เงินกำไรจำนวน 9 ล้านบาทนั้น เป็นกำไรเมื่อปี 2564 ที่บริษัทมีรายได้จากยอดขาย 1,000 ล้านบาท แต่ปี 2565 นี้ บริษัทมียอดขายถึง 18,000 ล้านบาท

ทำให้ กรมสรรพากร เตรียมเข้ามาตรวจสอบภาษี โดยระบุว่า ยอดขายของกองสลากพลัสกว่า 18,000 ล้านบาทนั้น ตามหลักการการทำธุรกิจซื้อขายสลากกินแบ่งรัฐบาล บริษัทจะต้องจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มจากการให้บริการอัตรา 7% ทุกเดือน และต้องจ่ายภาษีเงินได้นิติบุคคลจากกำไรสุทธิ อัตรา 20% ณ วันสิ้นรอบบัญชี ด้วย