แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ขณะนี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบกรอบวงเงิน งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ หลังจากผ่านการเห็นชอบจากที่ประชุม 4 หน่วยงานเศรษฐกิจ คือ สำนักงบประมาณ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธ.ป.ท.) และกระทรวงการคลัง เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
"การประชุมครม.ครั้งนี้ ที่ประชุมไม่ได้มีข้อสั่งการอะไรเพิ่มเติม โดยยังคงกรอบเดิมเอาไว้ และในสัปดาห์นี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะเดินทางไปมอบนโยบายให้กับผู้บริหารของทุกส่วนราชการต่อไป ในวันที่ 12 มกราคม 2566 นี้" แหล่งข่าว ระบุ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
สำหรับกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ที่ผ่านการเห็นชอบจากที่ประชุม 4 หน่วยงาน ประกอบไปด้วย กรอบวงเงินงบประมาณรายจ่าย วงเงิน 3.35 ล้านล้านบาท หรือปรับเพิ่มขึ้น 1.65 แสนล้านบาท
พร้อมทั้งกำหนดการขาดดุลงบประมาณ 5.93 แสนล้านบาท คิดเป็น อยู่ที่ 3% ต่อ GDP ลดลงประมาณ 1.02 แสนล้านบาท โดยมีการประมาณการรายได้รัฐบาลสุทธิ 2.757 ล้านล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 10.7%
ขณะที่อัตราเงินเฟ้อ อยู่ในกรอบ 1- 2% ด้านสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP อยู่ที่ 61.35%
ต่อมา นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงมติครม. ว่า นายกรัฐมนตรี ได้กำชับการเพิ่มประสิทธิภาพการเบิกจ่ายงบประมาณ โดยเฉพาะรายจ่ายลงทุนให้เบิกจ่ายรวดเร็วให้เป็นไปตามเป้าหมาย และนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในการบริหารจัดการภาครัฐ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และลดค่าใช้จ่ายภาครัฐในอนาคตด้วย
โดยกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่าย ปี 2567 จะเท่ากับกรอบวงเงินตามแผนการคลังระยะปานกลาง (ปีงบประมาณ 2567 - 2570) ส่วนงบประมาณรายจ่ายงบลงทุนและงบประมาณรายจ่ายชำระเงินคืนต้นเงินกู้ มีสัดส่วนอยู่ภายในกรอบที่กำหนดตามพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐบาล พ.ศ. 2561
อย่างไรก็ตามทุกหน่วยงานต้องกลับไปส่งรายละเอียดคำของบประมาณ มายังสำนักงบประมาณภายในวันที่ 27 มกราคม 2566 เพื่อพิจารณาตามขั้นตอน ซึ่งกำหนดไว้ภายใต้ปฏิทินงบประมาณต่อไป