นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท อินเด็กซ์ครีเอทีฟวิลเลจ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ สามารถปิดยอดรวมปี 2565 ได้เกือบ 1,000 ล้านบาท ตามเป้าที่ตั้งไว้
เผยหลังสถานการณ์โลกคลี่คลาย บริษัทฯเตรียมรุกตลาดเอเชียต่อเนื่อง จากภาพรวม ธุรกิจอีเว้นท์ที่เติบโตทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจหลักของอินเด็กซ์ฯ คือ 1. กลุ่มครีเอทีฟ บิซซิเนส ดีเวลลอปเม้นท์(Creative Business Development) 2. กลุ่มมาร์เก็ตติ้ง เซอร์วิส (Marketing Service) และ 3. กลุ่มโอน-ครี เอชั่น (Own-Creation) มีการเติบโตสูงขึ้น รุกตลาดเอเชียปี 2566 อย่างต่อเนื่อง
"ปีที่ผ่านมา อินเด็กซ์ ครีเอทีฟฯ สร้างแคมเปญใหม่อย่างต่อเนื่องเพื่อตอกย้ำความเป็นCreative Business Solutions ผ่านกลยุทธ์ทางธุรกิจอย่าง Hybrid Experience ที่เน้นการนำเทคโนโลยีดิจิทัลอันทันสมัย และเทคโนโลยีที่เราสร้างขึ้นเองเพื่อทำให้งานอีเว้นท์ของเรานั้นแปลกใหม่ส่งต่อประสบการณ์อันพิเศษน่าจดจำไปยังผู้ชม" นายเกรียงไกรกล่าว
สำหรับแผนปี 2566 มุ่งเน้น 4 เป้าหมายหลัก คือ เทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Technology) รวมถึงพัฒนาเทรนด์ Metaverse, การสร้างสรรค์ประสบการณ์และจินตนาการที่แปลกใหม่อย่างไร้ขีดจำกัด (Immersive Experience) ตั้งแต่ไลฟ์สไตล์ ไอเดีย แนวคิดนวัตกรรม ไปยันมรดกทางวัฒนธรรมผ่านงานอีเว้นท์ในช่วงเวลาต่าง ๆ มากถึง 18 โปรเจค
พร้อมมุ่งบุกตลาดเอเชีย (Invest Asia) 7 ประเทศเป้าหมายหลัก คือ ญี่ปุ่น, ไต้หวัน, สิงคโปร์, คาซัคสถาน, ซาอุดิอาระเบีย, กัมพูชา, และประเทศไทย และยังมีแผนเดินหน้าจับกลุ่มตลาดนักท่องเที่ยว (Tourist Segment) ที่กลับมาคึกคักหลังเปิดประเทศ